จำนวนการดูหน้าเว็บรวม

วันจันทร์ที่ 26 พฤษภาคม พ.ศ. 2557

น้ำ,ทรัพยากรที่ต้องทบทวนคุณค่ากันใหม่

         

             เมื่อวันที่ 22 มีนาคม ปี ค.ศ. 2013  เลขาธิการสหประชาชาติ นายบันคีมูน ได้กล่าวเนื่องในโอกาสที่สหประชาชาติฉลองการครบรอบ 20 ปี ของ "วันน้ำโลกโดย ประกาศให้ปี 2556 เป็น "ปีแห่งความร่วมมือด้านน้ำ" ทั้งนี้นายบันคีมูน ยัง ได้ออกมาเตือนว่าภายในปี ค.ศ. 2030 ประชากรของโลกถึง 2 ใน 3 จะต้องประสบกับภาวะขาดแคลนน้ำ เนื่องจากความต้องการใช้น้ำของโลกที่เพิ่มขึ้นถึง 40%โดยเขาได้ระบุว่า ทุกวันนี้โลกมีความต้องการใช้น้ำที่สูงมาก มีประชากรบนโลกถึง 1 ใน 3 ที่ประสบปัญหาจากความต้องการใช้น้ำ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกลุ่มเกษตรกรและผู้ที่ทำปศุสัตว์ ขณะที่ผู้คนอีกกว่า 780 ล้านคนก็ยังไม่มีโอกาสที่จะข้าถึงแหล่งน้ำดื่มได้ โดยเฉพาะในแอฟริกา   นั่นทำให้ความร่วมมือระหว่างประเทศเป็นสิ่งจำเป็น ในการปกป้องและจัดการทรัพยากรน้ำที่มีความเปราะบาง และมีอยู่อย่างจำกัด โดยเฉพาะเมื่อประชากรของโลกกำลังเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ และมีปัญหาเรื่องการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศของโลก นอกจากนี้ นายเมเยอร์ ฮาร์ติง หัวหน้าคณะผู้แทนสหภาพยุโรป ได้เสริมว่า มีผู้คนที่ย้ายไปยังอาศัยยังเขตเมืองมากขึ้น ซึ่งน่าจะทำให้มีปริมาณการใช้น้ำเพิ่มขึ้นถึง 50% ในปี ค.ศ. 2025 และในตอนนั้น ผู้คนราว 5.5 พันล้านคน ซึ่งนับเป็น 2 ใน 3 ของประชากรโลกจะต้องประสบกับภาวะขาดแคลนน้ำอย่างแน่นอน และเป้าหมายหลักในการพัฒนาแห่งสหัสวรรษขององค์การสหประชาชาติ ก็คือ การลดสัดส่วนของประชาชนที่ไม่สามารถเข้าถึงน้ำสะอาดลงครึ่งหนึ่ง ภายในปี ค.ศ. 2015
            เป็นที่ทราบกันแล้วว่า สาเหตุของการขาดแคลนน้ำมีอยู่หลายสาเหตุด้วยกัน แต่ที่หลักๆได้แก่ โลกเกิดภาวะเรือนกระจก,จำนวนประชากรเพิ่มมากขึ้น,การขยายตัวภาคเกษตรกรรมและปศุสัตว์,การขยายตัวภาคอุตสาหกรรม,ป่าไม้ถูกทำลายและสูญเสียระบบนิเวศน์วิทยาที่สมดุลย์ ซึ่งอันที่จริงอย่างที่นักฟิสิกส์กล่าวไว้ว่า น้ำไม่หายไปจากโลกง่ายๆหรอก มันอยู่ในรูปแบบของไหลเปลื่ยนแปลงไปมาอย่างธารน้ำแข็ง เมฆ น้ำทะเล เหงื่อตามร่างกายฯลฯ การเปลื่ยนแปลงรูปแบบโดย การระเหย,การแข็งรวมเป็นก้อน(ตกผลึก),การดื่มใช้และการไหลลงสู่ใต้ดิน ซึงในบางพื้นที่ของโลกเรานี้ก็หาได้ไม่ยากและดูเหมือนมีการใช้ที่ฟุ่มเฟื่อย มีการประเมินราคาของน้ำต่อปริมาตรหนึ่งลูกบาศ์กเมตรในเมืองต่างๆบนพื้นโลกที่จัดหาให้บริการแก่คนเมือง ในราคาที่แตกต่างกันอย่างมาก


ในรูป(ภาพจากFORTUNE MAY19,2014)แสดงตัวอย่าง ราคาของน้ำต่อหนึ่งลูกบากศ์เมตรที่เมืองต่างๆ  อย่างเช่น โคเปนเฮเกน 7.38เหรียญสหรัฐ    ที่เบอร์ลิน 6.43เหรียญสหรัฐ  อัมสเตอร์ดัม 5.29 เหรียญสหรัฐ  ลอนดอน3.80เหรียญสหรัฐ    นิวยอร์ก3.27 เหรียญสหรัฐ             โตเกียว 2.11เหรียญสหรัฐ   เซี่ยงไฮ 0.45เหรียญสหรัฐ    เดลฮี 0.24เหรียญสหรัฐ   กรุงเทพ0.28เหรียญสหรัฐ   ฮานอย0.19 เหรียญสหรัฐ
            ด้วยความแตกต่างที่ราคาตามพื้นที่เมืองนี้เองอาจชี้ให้เห็นถึงต้นทุนการได้มาซึงน้ำต่างกันและให้เห็นว่าประเทศบ้านเมืองใดยังคงมีความอุดมสมบรูณ์ด้วยน้ำหรือไม่ก็ยังไม่อยู่ในสภาพคลาดแคลนน้ำจึงมีราคาที่ไม่แพงทำให้ประชาชนผู้บริโภคทั้งนักอุตสาหกรรมและเกษตรกรในเมืองประเทศนั้นเกิดความเข้าใจผิด ใช้น้ำได้ตามกำลังซื้อที่จ่ายได้  อันที่จริงก็ไม่ใช่ว่าประชาชนในประเทศหรือส่วนต่างๆของโลกจะได้ใช้น้ำโดยราคาและการเข้าถึงน้ำที่เสมอภาคกัน หากเป็นประชากรที่อยู่นอกเมืองในชนบทอาจเข้าถึงน้ำในต้นทุนราคาที่ถูกกว่าประชากรที่อยู่ในเมือง เขาสามารถนำน้ำมาจากแหล่งธรรมชาติโดยไม่ต้องจ่ายหรือจ่ายน้อยกว่าแต่ก็ไม่มีหลักประกันที่แน่นอนขึ้นกับภูมิประเทศ ภาวะทางธรรมชาติที่เอื้ออำนวยให้มีแหล่งน้ำอยู่เพียงพอและตลอดไป และด้วยความไม่เสมอภาคกันอีกทั้งความเจริญทางเทคโนโลยี(ในการให้ได้น้ำมาใช้)ได้ถูกโอนเอียงมาบริการให้แก่ชุมชนคนเมืองเป็นหลัก จึงไม่ต้องสงสัยเลยว่าการขาดแคลนน้ำจะตกอยู่กับประชาชนในแถบนอกเมือง ภาคเกษตกรรมที่ถูกมองว่าเป็นผู้ใช้น้ำเสียใหญ่และถ้าอยู่ในพื้นที่ที่อุดมสมบรูณได้มันมาในต้นทุนต่ำมักขาดแรงจูงใจในการสงวนรักษาและใช้มันอย่างไม่มีประสิทธิภาพ เป็นตัวการทำให้(โลก)ขาดแคลนน้ำ แต่ภาคอุตสาหกรรมนั่นแหละเป็นตัวเร่งให้สถานการณ์เลวร้าย ดูจากการผลิต ผลิตภัณฑ์บางอย่างที่ใช้น้ำเป็นจำนวนมากมาย อุตสาหกรรมเหล่านี้ได้เติบขยายมากขึ้น
          จากข้อมูลของกลุ่มทำงานที่ไม่แสวงหาผลประโยชน์ในประเนอเธอแลนด์ที่ชื่อว่า Water Footprint Network เปิดเผยว่าในการผลิตชีสเบอร์เกอ(cheeseburger)ครึ่งปอนด์ต้องใช้น้ำจำนวน 968 แกลอน(3,688 ลิตร) ผลิตชีสบางๆหนึ่งแผ่นใช้น้ำ24  แกลอนหรือ 91  ลิตร(ข้อมูลผลิตภัณฑ์อื่นดูรูป  ประกอบ)เป็นการชี้ให้เห็นว่าในการได้มาซึงผลผลิตหนึ่งๆต้องใช้น้ำเป็นจำนวนเท่าใด  ดังนั้นการตีคุณค่าของน้ำด้วยราคาที่ปรากฏ มันก็ยังไม่ได้ความจริงที่เที่ยงตรงถูกต้องเสมอไป  สมควรที่จะข้อมูลอื่นที่เกี่ยวข้องพิจารณาร่วมด้วย
เรียบเรียงจาก๑. FORTUNE MAY19,2014
                    ๒.องค์การสหประชาชาติ
                 


ไม่มีความคิดเห็น: