จำนวนการดูหน้าเว็บรวม

วันอาทิตย์ที่ 16 สิงหาคม พ.ศ. 2558

ถอดรหัสสัญญานการหลับ


         เราอาจถูกทำ ให้สับสนและฉงนจากการนอนหลับ  บางวันตื่นขึ้นมาอารมณ์แจ่มใส่พร้อมรับมือกับงานของวันใหม่ขณะที่บางวันยากที่จะเงยศรีษะขึ้นจากหมอน มีคำถามเกี่ยวกับการนอนหลับเช่นว่า ต้องนอนเท่าไหรนอนกี่ชั่วโมงถึงจะพอ ทำอย่างไรถึงจะหลับโดยไม่ต้องใช้ยาและเราก็รู้เรื่องราวความเกี่ยวข้องกับการทำให้หลับง่ายหลับสบายมาบ้างแล้วอย่างเช่น อย่ามีความเครียด ออกกำลังให้มาก รับประทานอาหารให้ถูกสุขภาพไม่ดืมกาแฟตอนบ่ายปล่อยวางโทรมือถือเสียบ้างเหล่านี้เป็นต้น แต่มันก็ไม่ได้ผลกับใครบางคน แม้คุณจะทำตามคำแนะนำเหล่านั้น        
         ปัจจุบันในสหรัฐอเมริกาประชาชนราว70ล้านคนมีปัญหาเรื่องการหลับ ทำให้เกิดภาวการณ์เครียด โรคอ้วน เบาหวานชนิดที่2 และโรคมะเร็งและก่อเกิดอุบัติเหตุได้เกิดความเสียหายต่อชีวิตและทรัพย์สินและสิ้นเปลืองงบประมาณในการรักษา รัฐต้องใช้งบประมาณ165 พันล้านเหรียญต่อปีในการรักษาและมีการพยากรณ์ว่าในปีค.ศ.2019จะมีผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับการช่วยให้หลับออกสู่ตลาดมูลค่าสูงถึง76.7พันล้านเหรียญเป็นโอกาสให้เกิดธุรกิจสินค้าประเภทนี้เติบโต  บรรดานักวิทยาศาสตร์นักวิจัยจึงทำการค้นคว้า ค้นหา ทดลองเพื่อให้ได้ข้อมูลและค้นหาวิธีที่ขจัดปัญหานี้ การค้นคว้าและวิจัยในเรื่องนี้จึงแพร่หลาย   ณ.สถานทดสอบของบริษัทฟลูเพาเวอร์ (Full power Technologies).มีทำการทดสอบที่เรียกว่าPSG (Polysomnography test )โดยใช้โปรแกรม Full Power  เพื่อค้นหาเปิดเผยความลับในภาคกลางคืนของผู้นอนหลับ บริษัทนี้มีนาย ฟิลลิเป้ คานฮ์( Phillipe Kahn)ชาวฝรั่งเศลวัย 63ปี เป็น ผู้ก่อตั้งและผู้บริหารสูงสุดของบริษัทส่วนโปรแกรมนี้ได้ถูกคิดค้นสร้างใช้มา10ปีแล้วราวค.ศ.2005สามารถเก็บข้อมูลของการหลับได้อย่างมหาศาลและมีเครื่องมือทรงดูโบราณสมัยไบเซนไทม์ ซึ่งมีสายระโยงระยางค์ต่อมาที่ผู้ถูกทดสอบเพื่อวัดตรวจสอบ สมอง ลมหายใจ การเคลื่อนไหวของลูกตา การบิดของกล้ามเนื้อและการเต้นของหัวใจ  มีวืดืโอที่บันทึกข้อมูลภาวะการหลับของผู้ป่วยผู้ถูกทดลอง ผลของร่างกายผู้ทดลองขณะหลับ  เครื่องมือเหล่านี้จะส่งผ่านข้อมูลจากตัวผู้ถูกทดลอง ไปยังทีมวิจัยของคานฮ์  ผู้ถูกทดสอบหวังว่ามันจะเปิดเผยความลึกลับแห่งช่วงนิทรา  ในอดีตนั้นมีการการค้นคว้าวิจัยเรื่องการนอนหลับสมัยนั้นเชื่อว่าผู้หลับเป็นปกติจะนอนนิ่งไม่เคลือนไหวเลยตลอดทั้งคืนพบว่า ก่อนจะหลับสนิทผู้นอนจะเปลื่อนอริยบทตั้งแต่20-85ครั้งซึ่ง35ครั้งถือเป็นค่าดีที่สุด นี่เป็นข้อมูลที่บริษัทผู้ผลิตเตียงนอนได้ผลิตเตียงนอนขนาดใหญ่คิงส์และควีนไซด์ออกสู่ตลาด ต่อมาได้มีการประดิษฐ์พัฒนาเครื่องมือขนาดพอเหมาะและมีประสิทธิภาพส่วมใส่กับผู้นอนเพื่อตรวจรับรู้ขณะหลับเครื่องมือสามารถแยกแยะท่ามกลางการเคลื่อนไหวเหล่านั้นของผู้นอนทำให้รู้ว่า ส่วนใหญ่ผู้นอนจะตื่นขึ้นระหว่าง 3-17 ครั้งต่อคืนค่าเฉลี่ย 9.3ครั้ง การตื่นนั้นส่วนใหญ่อยู่ในระยะเวลาอันสั้นจนผู้นอนจำไม่ได้ว่าตื่นขึ้นและข้อมูลยังแสดงว่าจำนวนครั้งที่ตืนจะลดลงตามอายุจนถึงอายุ45ปีโดยประมาณก็จะคงที่ ผู้ชายจะหลับได้เวลาน้อยกว่าผู้หญิงนิดหน่อยและตื่นขึ้นมากกว่าผู้หญิง1ครั้งในอายุเดียวกันและเมื่ออายุ50กว่าก็จะปรับให้ใกล้เคียงกัน  การดสอบยังให้ข้อมูลในประเด็นอื่นอย่างเช่น ผู้คนทั่วไปจะหลับได้นานในฤดูหนาวหลับได้ไม่นานในฤดูร้อน แสงอาทิตย์กลางวันรวมถึงอุณหภูมิมีผลต่อรูปแบบการนอน เราจะนอนได้น้อยในวันที่ร้อนที่สุดของปีกว่าวันที่มีกลางวันยาวที่สุดของปี ค่าเฉลี่ยของช่วงเวลาหลับที่ยาวนานสุดปกติจะเกิดขึ้นวันสุดสัปดาห์ที่ตามหลังวันขึ้นปีใหม่ และการได้นอนหลับมากๆไม่ได้มีผลเท่ากับการหลับอย่างเต็มที่ในหนึ่งคืน ระดับความเข็มแสง เสียง กาแฟ การออกกำลัง ล้วนมีผลต่อการนอนหลับทั้งนั้น ผู้ทำการวิจัยให้ความเห็นว่า บางครั้งคุณนอนหลับน้อยแต่ขึ้นมาอย่างสดชื่น กระชับกระเฉง นั้นเป็นเพราะว่าคุณตื่นขึ้นมาในช่วงเวลาการหลับตื้นของวงจรแห่งการหลับ การทดสอบสามารถกระตุ้นให้ผู้นอนตื่นขึ้นได้ในช่วงเวลาวงจรของการหลับ การพบข้อมูลนี้ตั้งใจจะนำมาใช้ไล่ความเครียดให้ออกไป  คนส่วนใหญ่จะคิดว่าถ้าคุณหลับได้โดยไม่มีการตื่นแทรกไม่ถึง8 ชั่วโมงนั้นเกิดความผิดปกติกับคุณแล้ว นั้นเป็นทัศนะที่เข้าใจผิด  ในสมัยก่อนที่จะมีไฟฟ้า ผู้คนเคยหลับเป็นสองช่วง นอนหลับไป4ชั่วโมงลุกขึ้นทำงานชั่วโมงครึ่งลัวก็หลับไปอีก4ชั่วโมง ห้องนอนที่เงียบสงบเป็นบรรยากาศที่เหมาะสมสำหรับการนอนที่สุด เพราะพ้นจากสิ่งกระตุ้นให้ตื่น  สัญญานชี้บ่งว่าสุขภาพดี อาจไม่หมายความว่าคุณตื่นขึ้นมากี่ครั้งแต่ขึ้นกับว่าคุณหลับพล่อยลงได้เร็วแค่ไหน ส่วนใหญ่แล้วสิ่งมีชีวิตทุกชนิดจะมีนาฬิกาชีวิตภายในตัวเองถึงระดับเซลเดินอยู่ มันจะบอกเจ้าของของมันว่าเมื่อไหรถึงเวลาที่จะต้องพักผ่อนเมื่อไหรที่จะให้ผลผลิต ไม่ใช่เฉพาะมนุษย์เท่านั้นที่มีนาฬิกาชีวิต เมื่อเร็วๆนี้บริษัทมอนเซนโต้ตีพิมพ์เอกสารที่แสดงว่าสามารถกระตุ้นพืชตระกลูถั่วให้ผลผลิตเพิ่มขึ้นอีก5%โดยกระตุ้นยีนพันธุกรรมตัวหนึ่งที่เกี่ยงกับนาฬิกาชีวิต ส่วนนาฬิกาชีวิตของมนุษย์ เรายังไม่สามารถควบคุมบังคับเพราะมนุนย์ไม่ได้ดำรงชีวิตอยู่ได้ด้วยการสังเคราะห์แสง จากการประเมินกว่า 70%มนุษย์เราดำเนินชีวิตไปตามแรงจูงใจสภาพครรลองภายนอกไลฟสไตล์ สังคม หน้าที่  เมื่อเรามีชีวิตอยู่ตามครรลองการกำหนดของสภาพภายนอกได้รับรู้เคยชินกับความไม่แน่นอน มันจะทำให้ร่างกายลดกิจกรรมการย่อยสลายเนื้อเยื่อ ทำให้อ้วน น้ำหนักเพิ่ม เร่งอายุเพิ่มขึ้น เราอาจเสี่ยงต่อการเป็นเบาหวาน เพิ่มการเสี่ยงต่อการเป็นมะเร็งเต้านม เดิมการเป็นอยู่ของมนุษย์เราค่อยๆปรับตัวไปตามสภาพคาบเวลากลางวันกลางคืนของโลกแต่ในสังคมสมัยใหม่ ทำลายขัดแย้งสภาพธรรมชาติ ประเด็นสำคัญทางแก้ไขจะต้องทำให้มีการสอดคล้องกับจังหวะภายในตัวเรา รอบของการหลับ-ตื่น รอบของการกินอาหาร ขบวนการเผาผลาญพลังงานของคุณทำงานประสานร่วมกัน เมื่อพฤติกรรมใช้ชีวิตของคุณไม่สอดคล้องจะเกิดสัณญาณรบกวนขึ้นมา สูญเสียประสิทธิภาพการนอนมันเป็นไปได้ที่จะแยกและเปลื่ยนแปลงจังหวะวงจรชีวิตที่เป็นช่วงๆใน24ชั่วโมง(ในหนึ่งวัน)โดยใช้สารประกอบ(ยา).บริษัทยาต่างๆพยายามเจาะลึกไปถึงพันธุกรรม เพื่อหาการเชื่อมต่อระหว่างดีเอนเอและสภาวะร่างกายช่วงกลางคืนมีการค้นหายาที่จะกระตุ้นนาฬิกาชีวิตเพื่อปรับสภาพ นอกจากนี้ยังได้ทำการศึกษา การทำสมาธิเพื่อควบคุมจังหวะชีวิตอีกด้วย 




-------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------  
เรียบเรียงอ้างอิงจาก
จาก Cracking the sleep code, Fortune Magazine 7/1/2015

ไม่มีความคิดเห็น: