จำนวนการดูหน้าเว็บรวม

วันพุธที่ 9 ธันวาคม พ.ศ. 2558

การตายของหลวงราชแพทย์




ลุ ถึงจุลศักราช ๑๒๖๔ หรือ พ..๒๔๔๕ ปี เต่ายี ขาลศก อันเป็นปีที่ ๓๔ ในรัชกาลที่ ๕ แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ ยุคสมัยแห่งการแพร่กระจายอิทธิพลจากประเทศต่างๆ ทางตะวันตก ยุคสมัยแห่งการเปลี่ยนแปลงที่พระองค์ท่าน ทรงสร้างสยามประเทศให้เจริญรุดหน้าทัดเทียมนานาอารยประเทศ สิ่งใหม่ ๆได้ถูกสร้างพัฒนานำมาใช้ปรับปรุงขึ้นในประเทศอย่างมากมาย  ไม่ว่าจะเป็นการปกครอง,การศึกษา,การคมนาคม,ถนนหนทาง,รถไฟ, ไฟฟ้า, ไปรษณีย์โทรเลข, โทรศัพท์การประปา, สาธารณูปโภค ต่าง ๆ อื่น ๆ มากมายแน่ละรวมถึงการแพทย์และสาธารณสุขที่ข้าพเจ้าอดที่จะกล่าวเสียไม่ได้ ในฐานะวิชาชีพของนายแพทย์ศิษย์เก่าศิริราชพยาบาล ที่ได้เล่าเรียนศึกษาทั้งวิชาการแพทย์ตะวันตกและแพทย์แผนไทยควบคู่กันไป อีกทั้งการได้เป็นผู้ช่วยปรุงยาให้กับ หมอ อดัม แฮนเดอร์สัน แห่งกองโอสถศาลาที่สมเด็จกรมพระยาดำรงฯรับสนองพระราชประสงค์ มอบหมายให้ปรุงยาตำราหลวงผลิตขึ้นใช้ในราชการกระจายไปสู่ประชาชน ด้วยความรู้ความชำนาญ ทั้งภาคทฤษฎีและปฏิบัติดังได้กล่าว ทำให้ข้าพเจ้าต้องมาเกี่ยวข้องแก้ไขปมคดีปริศนาที่ทางราชการตั้งเป็นคดีฆาตกรรมให้คลี่คลายกระจ่างออกมา

ตอนตะวันบ่ายเข้าสู่ทิศประจิม ณ.วันเสาร์ แรม ๔ค่ำ เดือนอ้าย ขณะที่ข้าพเจ้ากำลังพักผ่อนอ่านหนังสือเพื่อผ่อนคลายจากความเมื่อยล้า หลังจากได้เหน็ดเหนื่อยในการปรุงยาตำราหลวงทั้งวันทั้งคืนแม้แต่ครึ่งเช้าวันหยุดก็ไม่ว่างเว้นจนข้าพเจ้าอดคิดเตลิดไปว่าภายภาคหน้ากิจการกองโอสถศาลาคงเจริญก้าวหน้าอย่างมั่นคง  พลัน ' นายโต ' ข้าเก่าในเรือนเบี้ยเดินเข้ามารายงานให้ทราบว่ามีผู้มาเยือน คือมิตรรักสหายเก่าคุ้นเคยกันดี ' ขุนเทพนารายณ์(สัน) 'นายโปลิศใหญ่ฝั่งตะวันตก แห่งกองตระเวรขวา กรมพระนครนั่นเอง ขณะนี้ได้นั่งรออยู่ที่เรือนรับรองท้ายสวนหลังบ้าน ข้าพเจ้าจำใจต้องวางหนังสือรหัสนิยายของท่านเซอร์อาเธอร์ โคนันดอลย์ เล่มล่าสุดที่เพิ่งได้รับเป็นของฝากจากมิตรผู้กลับจากประเทศอังกฤษเร็ว ๆ นี้ ขณะที่เดินออกจากห้องหนังสือเดินผ่านลานจอดรถม้าหน้าบ้าน รถม้าคันงามของนายโปลิศใหญ่จอดเทียบเข้าที่ไว้อย่างเคย ที่ประทุนและประตูรถม้า คร่ำคร่าไปถนัดจากฝุ่นแดงลูกรังเกาะติดไปทั่ว ขณะที่ข้าพเจ้าก้าวลงบันไดเวียนกลางห้อง เบื้องล่าง บุรุษงามสง่า นั่งอยู่ในชุดยูนิฟอร์มตำรวจกางเกงขายาว เสื้อราชปะแตนแขนยาวถึงข้อมือ คอปิด กลัดกระดุมลงยา ๕เม็ดใหม่เอี่ยม ดูสะอาดแวววาวแต่ก็ไม่วายปรากฏรอยฝุ่นแดงบนไหล่เสื้อทั้งสองข้างได้  ยังไม่ทันที่หนังสือพิมพ์สยามออฟเสริฟเวอร์จะถูกละลงจากใบหน้าของเขา ข้าพเจ้าก็ชิงทักขึ้นว่า
ยังไงล่ะวันนี้ลมอะไรหอบเธอมาที่นี้ได้ ?“
" ก็ลมร้อนใจซิครับ ใคร่จะมาปรึกษาหารือ กระผมโทรศัพท์มาเพลาเช้า พี่หมอก็ไม่อยู่ เจ้าโทรศัพท์แมคแนคติกนี่ก็อู้อี้เสียงแทรกดังนัก จะบอกความอย่างไรก็คงไม่กระจ่างเท่ากับมาด้วยตนเอง "
" ร้อนใจมากนักหรือ! แต่ยังมีเวลาแวะไปที่ห้าง ' แบดแมนแอนด์โก 'ห้างฝรั่งเปิดใหม่ ที่ถนนเฟื่องนคร อยู่อีกดูซิ "
" โอ้ พี่หมอรู้ได้อย่างไร ? มหัศจรรย์จริง ๆ! "
" ก็ รอยฝุ่นลูกรังที่ติดอยู่ประทุน,ประตูรถม้า ซิ อื่ม! แล้วก็ติดที่ไหล่เสื้อเธอด้วยปัดอย่างไรก็คงยังเหลืออยู่ ไม่เหมือนกระดุมลงยาใหม่เอี่ยมอ่อง ด้วยความเห่อของใหม่ของนอก ตอนนี้ทั้งพระนครมีเพียง ถนนเฟื่องนครที่หลวงท่านปรับพื้นใหม่อยู่ และห้างแบดแมนแอนด์โกที่ว่าก็ยู่แถวนั้นด้วยไม่ใช่หรือ? "
" มหัศจรรย์ ! มหัศจรรย์จริง ๆ พี่หมอนี่ สมควรแล้วที่กระผมแบกหน้ามาขอคำปรึกษาข้อราชการ ว่าแต่คุณพี่ยังจำ หลวงราชแพทย์ ปลัดกรมหมอศาลาได้อยู่ ฤๅ ? " 
" ยังจำได้อยู่ เกิดคดีความอย่างไร กับท่านปลัดกรม ละ ? "
" หลวงราชแพทย์ได้ถึงแก่ความตาย ที่บ้านพำนัก เมื่อวันวานนี้เอง คุณหญิงภรรยาและญาติ ได้มาแจ้งความกระผมว่า ถูกฆาตกรรม โดย ยาสั่ง  คุณไสย "
" ยาสั่ง ! คุณไสย ฆาตกรรม ? "........และแล้วโปลิศหนุ่ม ก็เล่าความถ่ายเรื่องตามที่ได้รับฟ้องจากคุณหญิง  เรื่องมีอยู่ว่า หลวงราชแพทย์ เป็นแพทย์หลวงโดยหน้าที่ราชการต้องเที่ยวเสาะหาเครื่องยาสมุนไพรต่าง ๆ เมื่อคราวที่ร่วมเดินทางนิราศนครวัต ที่เมืองเสียมราฐก็นำย่ามยา และตะบองแดงอาญาสิทธิ์  พร้อมกับเครื่องมือเก็บสมุนไพรตัวยาไปด้วยที่เมืองเขมร เกิดไปพบว่านยาสมุนไพรที่หายาก จึงสั่งให้บ่าวไพล่ขุดนำกลับ โดยอาศัยอาญาสิทธ์จากตะบองแดง ตอนนำกลับมานี้ จึงเกิดมีปากเสียงขัดแย้งแย่งชิงตัวยากับส่วยขอมหมอเชลยศักดิ์ ที่ชื่อนายธมกันขึ้นมาถึงกับอาฆาตมาดร้ายสาปแช่ง คุณหญิงภรรยาท่านให้ความว่า ต้องเป็นนายธมหมอเชลยศักดิ์ส่วยขอมนี่ กระมังที่ทำคุณไสย ยาสั่ง เมื่อท่านกลับมาเพลาให้หลัง สามเดือนต่อมาท่านจึงถึงแก่ชีวิต  
แล้วเธอสงสัยผู้ใดเล่า หรือมีเบาะแสอย่างใดหรือ? ” ข้าพเจ้าถามขึ้น
มองซิเออเดอปาปวน
มองซิเออเดอปาปวน พ่อค้าเรือจักรกลไฟ นะหรือ?”
ขอรับเขากล่าวตอบรับพร้อมกับชี้นิ้วไปที่บล็อกโฆษณาในหนังสือพิมพ์และกล่าวต่อว่า
พี่หมอเคยได้อ่านคดีความระหว่างมองซิเออเดอปาปวน กับท้องพระคลังเมื่อสามสิบกว่าปีในสมัยพระเจ้าแผ่นดินองค์ก่อน หรือไม่ขอรับ ?”
ข้าพเจ้านิ่งเงียบเพื่อคุ่นคิดทบทวนความจำสักพักใหญ่ ขณะที่นายโปลิศใหญ่ละมือจากกระดุมคอเสื้อเม็ดงามล้วงลงกระเป๋า หยิบเหรียญโลหะแบนๆ ส่งให้ข้าพเจ้าดู เมื่อข้าพเจ้ากวาดสายตาตรวจดูก็พบว่า  มันเป็นเหรียญโลหะกลม เล็กๆ เหรียญ บางๆ ทำด้วยดีบุกและอาจผสมโลหะอื่น พื้นเกลี้ยงเกลาตีรวดลายเรียบร้อย หน้าหนึ่งมีตราจักรที่มีรูปช้างอยู่ตรงกลาง มีอักษรไทยบอกค่าอยู่ด้านบน  มีเลขและอักษรอังกฤษบอกค่ากระหนาบอยู่สองข้าง ทั้งยังมีอักษรจีนบอกค่าอยู่ด้านล่าง ส่วนอีกด้านหนึ่งเป็นรูปตรามงกุฎตราประจำรัชกาลสมเด็จพระจอมเกล้า องค์เหนือหัวแผ่นดินก่อน ข้าพเจ้ารู้ได้ทันที่ว่า นี่คือ กะแปะอัฐ หน่วยเงินตราที่พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าประกาศให้สร้างและมีขึ้นใช้แทนเบี้ยหอยเพื่อเป็นเงินปลีก มันมีค่าเท่ากับ 100 เบี้ย
กะแปะอัฐทำจากดีบุก อาจผสมโลหะทองแดงหรือตะกั่ว ข้าพเจ้าพูดเอ่ยขึ้นก่อนที่โปลิศหนุ่มใหญ่จะตั้งคำถามอีก
ขอรับนายโปลิศตอบรับและพูดต่อว่า เมื่อสมัยที่หลวงราชแพทย์รับราชการอยู่กับพระองค์ท่านในตำแหน่ง หมื่นอโรคยาได้สร้างความชอบในราชการแผ่นดินในคราวที่พระองค์ท่านทรงโปรดให้จัดตั้ง โรงกษาปณ์เพื่อผลิตเงินเหรียญต่างๆเป็นการปฏิรูปเงินตราไทย กะแปะอัฐและอีกชนิดหนึ่งกะแปะโสฬสก็ได้ถูกหีบผลิตทำขึ้น โดยหลวงท่านทรงประกาศรับซื้อวัตถุดิบธาตุดีบุกจากพ่อค้าประชาชนต่างๆ ตอนนั้นมองซิเออเดอปาปวนยังเป็นพ่อค้าล่องแล่นเรือในแถบอินโดจีน และได้นำธาตุดีบุกมาขายให้ท้องพระคลังด้วย  มีอยู่คราวหนึ่งเกิดมีการปลอมปนมากับดีบุกกันขึ้นโดยผสมเนื้อโลหะอื่นที่ด้อยค่ากว่า ไม่สังกะสีก็ตะกั่ว ธาตุดีบุกที่มองซิเออเดอปาปวนนำมาขายให้ท้องพระคลังนั่นแหละไม่บริสุทธิ์ หลวงราชแพทย์หรือหมื่นอโรคยาในสมัยนั้น เป็นผู้อาสาหาวิธีตรวจความบริสุทธิ์ของธาตุดีบุกที่มองซิเออเดอปาปวนนำมาขายโดยวิธี.....”

เขาหยุดพูดหยุดเล่าเสียกลางคันและขยับยกขาขึ้นไขว่ห้างพร้อมกับมือซ้ายขยับลูบคลำชองปืนที่เหน็บแนบข้างกาย ผู้คนทั้งพระนครทราบดีว่าปืนพกที่อยู่ในซองเป็นปืนปัสตันชนิดสองลำกล้องที่ข้าราชการสยามน้อยคนนักจะมีใช้ และก็มีเพียงข้าพเจ้าเท่านั้นที่รู้ว่าอากัปกิริยาของเขาแบบนี้  บ่งบอกถึงการยั่วยวนท้าทายให้ข้าพเจ้าได้ต่อเติมสิ่งที่ว่างเว้นขาดหายไป
ก็เมื่อหลอมดีบุกได้ที่แล้วเทลงแท่นรองอิฐที่ปูด้วยกระดาษที่ทำจากหญ้ากกอียิปต์ ถ้ากระดาษไหม้ก็แสดงว่าดีบุกนั้นมีตะกั่วผสมอยู่
มหัศจรรย์! มหัศจรรย์!จริง พี่หมอนี้ไม่เพียงรู้เรื่องวิชาแพทย์เภสัชเท่านั้นยังรอบรู้ด้านเคมีเล่นแร่แปรธาตุอีกด้วย
ที่จริงถ้ามีโลหะอื่นปนอยู่ อย่างเช่น ทองแดง ก็ทำให้กระดาษไหม้ได้และช่างหล่อ,หีบก็ต้องใช้โลหะอื่นมาผสมบ้าง ทั้งนี้เพื่อเพิ่มความแข็งเกร่งให้กับเหรียญถือว่าโลหะสองชนิดจะเสริมคุณสมบัติของโลหะด้านความแข็งทวีมากขึ้น เรื่องนี้มีปรากฏอยู่บ้างแล้ว เธอลองไปค้นอ่านประกาศของพระองค์ท่าน.พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าฯดูซิ กะแปะอัฐ,กะแปะโสฬสรุ่นแรกๆมักจะบิ่นขาดวิ่น “     ข้าพเจ้าได้ทีก็ขอสำทับกลับไปแต่ยังวกกลับเข้าเรื่องด้วยใจที่ปรารถนาจะมีส่วนร่วม
และ เป็นมองซิเออเดอปาปวนหรือ ที่เธอสงสัย

ขอรับ มองซิเออเดอปาปวนที่เป็นพ่อค้าวาณิชชาวฝรั่งเศลที่ทำการค้ากับเรา เขามีบ้านภูมิลำเนาถิ่นเดิมอยู่ที่ไซ่ง่อน แต่ก่อนนี้เขาเป็นนายทหารเรือเชี่ยวชาญเรื่องกระสุนดินดำปืนใหญ่ ลาออกจากราชการแล้วก็ได้ท่องเที่ยวผจญภัย ทำการค้าขายล่องเรือไปในแถบอินโดจีน เขาเป็นผู้ที่นำแร่ดีบุกมาขายให้กับท้องพระคลัง ต่อมาถูกเปิดโปงพบว่า ดีบุกที่นำมาขายให้ปนปลอมโลหะอื่นก็โดย ท่านหมื่นอโรคยา หรือ หลวงราชแพทย์ท่านนี้เอง  ดังนั้นจึงเกิดคดีความ ถูกสั่งปรับสินไหมต้องเสียทรัพย์ค่าปรับอยู่มากโข และเขาก็เดินทางออกจากราชอาณาจักรหายตัวไปหลายปี เพิ่งกลับมาค้าขายกับเราเมื่อสี่ห้าปีมานี้เอง  เหตุนี้แหละขอรับพี่หมอที่กระผมปรักใจว่าต้องเป็นมองซิเออเดอปาปวนที่ผูกพยาบาทกันมา
แล้ว นายธม หมอเชลยศักดิ์ชาวขอม ?”
กระผมว่าอาจมีส่วนเกี่ยวข้อง หรือไม่ก็ได้ จริงอยู่ในคราว ร่วมขบวนนิราศนครวัต และเกิดแย่งชิงตัวยาไม้สมุนไพรกันขึ้นมานั้น มองซิเออเดอปาปวนก็ร่วมขบวนไปด้วย เขาอาจเป็นผู้ยุแย่หรือจ้างวานนายธมผู้นี้ก็ได้ แต่กระผมไม่ปักใจว่าเป็นนายธมหรอก ลำพังเขาคนเดียวไม่อาจจะดำเนินการอะไรได้ แต่กระผมก็ยังไม่ตัดทิ้งเสียทีเดียว เพียงแต่ว่าถิ่นที่พำนักเขาอยู่ถึงมณฑลปราจีนบุรี ไว้จะเดินทางไปสอบสวนภายหลัง
ขุนเทพนารายณ์(สัน)นิ่งเงียบไปสักครู่แล้วขยับขาสลับไขว่ห้าง มือทั้งสองพนมประสานกันแล้วถูไถไปมา ง้างง่ามนิ้วหัวแม่มือสอดรับปลายคาง สายตาไปจับจ้องอยู่กับย่ามวิเศษและแส้หวายประจำกายของข้าพเจ้าที่แขวนไว้เชิงบันไดเวียน แล้วพูดขึ้นว่า
ก่อนวันที่หลวงราชแพทย์จะชิ้นชีวิตได้สักสามวัน เกิดระเบิดขึ้นที่เรือนปรุงยาของคุณหลวง เดชะบุญที่ท่านไม่ได้รับอันตราย เรื่องนี้กระผมมาทราบจากปากคำของคุณหญิงตอนแจ้งความ นี้เองท่านหลวงกำชับไม่ให้คุณหญิงบอกความนี้แก่ผู้ใด
อื่ม!ทำไม?และเกี่ยวกับ มองซิเออเดอปาปวนอย่างไร?”
กระผมก็มิอาจทราบได้ แต่ประวัติของ มองซิเออ เคยเป็นนายทหารเรือฝรั่งเศล ประจำปืนใหญ่เชี่ยวชาญในเรื่องอาวุธระเบิดดินดำเป็นอย่างดี กระผมจึงปักใจไปที่เขาเป็นอย่างยิ่งสำหรับเรื่องยาสั่ง คุณไสย ของนายธม นะหรือ กระผมคิดเห็นว่ามันไร้สาระ ไม่เป็นวิทยาศาสตร์ ไม่มีอยู่จริง ทั้งนายธมเองก็คงไม่มีน้ำยาอะไร ส่วนแรงจูงใจนะหรือเพียงแค่ต้นไม้สมุนไพรแปลกๆ ยิ่งไม่น่าจะเป็นสาเหตุ
ไม่บ่อยครั้งหรอกที่ข้าพเจ้าจะมีความคิดเห็นลงรอยไปกับขุนเทพนารายณ์(สัน)แม้นเราจะสนิทชิดเชื้อดุจเครือญาติคบหาสมาคมกันมานานแม้นวัยห่างกันสิบกว่าปีก็หามีอุปสรรคไม่ ทุกคดีความทุกข้อราชการแม้นเรื่องไม่เป็นเรื่องสัพเพเหระจะต้องจบลงด้วยเหตุผลที่ไม่ใครผู้ใดระหว่างเราหาหลักฐานอื่นที่น่าเชื่อถือมาหักล้างได้ หากมิจำนนต่อหลักฐานมิควรด่วนสรุป กรณีของมองซิเออเดอปาปวนก็เช่นกัน แต่สำหรับ ยาสั่งคุณไสยของนายธมนี่ซิ มันสะกิดใจให้ข้าพเจ้าจนต้องทบทวน
ยาสั่ง ' เท่าที่ข้าพเจ้าได้สดับตรับฟังมามันเป็นเรื่องโจษขานร่ำลือกันไปเองหาหลักฐานเชิงวิทยาศาสตร์มาพิสูจน์ยืนยันกันได้ไม่  กล่าวกันว่า ยาสั่งเป็นยาพิษชนิดหนึ่งเพื่อใช้เข่นฆ่าคู่อริศัตรู แยกออกเป็นสองประเภท
  ประเภทสั่งวัน หมายถึงว่า ผู้ที่ได้รับพิษดังกล่าวเข้าไปแล้วเมื่อครบกำหนดตามระยะเวลาระยะหนึ่งโดยประมาณ ขึ้นอยู่กับปริมาณสารพิษที่ได้รับ พิษดังกล่าวจะกำเริบขึ้นมาและผู้ป่วยจะถึงแก่กรรมอย่างรวดเร็วภายในระยะเวลาอันสั้นก่อนที่แพทย์จะวินิจฉัยพบ
ประเภทสั่งอาหาร  หมายถึงว่าผู้ที่ได้รับพิษดังกล่าวเข้าไปแล้วพิษจะยังไม่กำเริบในทันทีหรือภายในระยะเวลาวันใดวันหนึ่งต่อเมื่อไปรับประทานอาหารที่แสลงกับยาสั่งนี้พิษของยาดั่งกล่าวจะกำเริบทีละน้อย  ทำให้ล้มป่วยลงและอาการเริ่มทรุดหนักลงเรื่อยๆ  จนถึงแก่กรรม โดยที่แพทย์แผนปัจจุบันหาสาเหตุไม่พบ  ทั้งสองกรณีข้างต้นแพทย์มักจะระบุสาเหตุการตายใน.
ใบมรณะบัตรว่า "หัวใจล้มเหลว" บ้าง" โลหิตเป็นพิษ "บ้าง หรือ"ไวรัส ลงตับอย่างร้ายแรง " ผู้คนที่ชำนาญและนิยมในการใช้ปรุงยาสั่งนี้ มักได้แก่พวกส่วยเขมรและบรรดาชนพื้นบ้านชาวป่าชาวเขาที่อยู่ตามรอยชายแดนแถบตะวันตก,ตะวันออกจนถึงภาคใต้ของสยามประเทศ ตัวยาที่ใช้ประกอบยาสั่งก็เป็นสูตรลับเฉพาะที่ใช้วัตถุธาตุ สมุนไพรที่ชื่อแปลก ๆ ไม่เป็นที่รู้จักสำหรับชาวบ้านหรือคนโดยทั่วไป   ข้าพเจ้าไม่เชื่อว่ายาสั่งจะมีอยู่จริง แม้นจะมีอยู่จะสามารถทำอะไรได้กับ หมอหลวงราชแพทย์ ที่มีตำแหน่งถึง ปลัดกรมหมอศาลาได้ ดังนั้นเพื่อพิสูจน์ค้นหาหลักฐานให้ประจักษ์ ข้าพเจ้าจึงตกปากรับคำ กับนายโปลิศใหญ่ว่าในวันพรุ่งจะเดินทางไปเรือนพำนักของท่านหลวงที่เกิดเหตุเพื่อตรวจตราสถานที่และร่วมสอบความสักครา
.บ้านริมลำน้ำฝั่งตะวันออก  ใกล้ป้อมพระสุเมรุ เลยต้นลำพูใหญ่ไปสี่เส้น เป็นเรือนปั้นหยา ขนาดใหญ่ยกสูง เมื่อรถม้าของเราได้มาถึง คุณหญิงภรรยาท่านหลวงได้รอต้อนรับเราอยู่แล้วที่เรือนรับรองแม้นจะอยู่ในอาการโศกเศร้าแต่ด้วยชาติตระกูลบุตรีลูกพระยาแลข้าหลวงเก่า เธอสะกดข่มใจสนทนากับข้าพเจ้าแจ้งได้ทุกถ้อยกระทงความ  สักครู่ใหญ่ข้าพเจ้าต้องขออภัยเพื่อขอให้เธอพาไปตรวจดูสถานที่    เรารีบรี่เข้าเรือนหลังเล็กที่แยกตัว สิ่งแรกที่ข้าพเจ้าอยากจะเห็นคือห้องปรุงยา ตรงไปที่นั่น กลิ่นหอมอบอวนด้วยกลิ่นของเครื่องยาของหอมลอยเข้าจมูก มีดหั่น คีมปลอก วางตั้งอยู่ เปลือกไม้ เนื้อไม้ ผล เมล็ด ดอก ที่ตากแห้งต่าง ๆเกลี่ยวางอยู่ในกระด้ง  บรรดากระด้งเหล่านี้จะถูกวางซ้อนๆ กัน บ้างก็วางไว้กลางแจ้งนอกเรือน  ภายในห้องมีแท่นหินบดยาและหินบดลูกฟักอยู่หลายชุด วางเป็นระยะสามสี่แห่ง วางสลับกับรางบดยาทรงระนาดที่หล่อด้วยทองเหลือง  ตรงกลางห้องมีโกร่งสีขาวดินพอสเลนขนาดเขื่องตั้งอยู่ จากเพดานห้องมีแท่งบดดินขาวชนิดเดียวกันขนาดใหญ่ผูกเชือกดิ่งตรงลงกลางโกร่ง ผนังห้องด้านหนึ่งมีตู้ไม้ขนาดสูงช่วงคนเอื้อมถึง กว้างสองวา หนาหนึ่งศอกพิงอยู่ ตู้ไม้แบ่งซอยเป็นช่องเล็กๆ หลายช่อง แต่ละช่องมีลิ้นชักที่บรรจุด้วยตัวยาสมุนไพรชนิดต่างๆ มีชื่อเขียนบอกไว้ที่หน้าลิ้นชัก ผนังห้องอีกด้านหนึ่งมีตะบองแดงอาญาสิทธิ์แขวนอยู่ ตะบองแดงนี้คือ  ตะบองแดงอาญาสิทธิ์ที่ทรงประทานให้หมอหลวงไว้ เมื่อเวลาไปเที่ยวค้นหาตัวยาต้นยาที่เป็นพืชสมุนไพรพบเจอ ณ.ที่ใดก็ตาม ทั่วราชอาณาจักรสยาม แม้นพื้นดินถิ่นนั้นจะอยู่ภายใต้การครอบครองของผู้ใดก็ตามหมอหลวงมีสิทธิ์ชี้เอาตัวยานั้นด้วยการชี้ของตะบองอาญาสิทธิ์นี้เพื่อนำมาปรุงเป็นยาหลวง    ระหว่าง ผนังห้องสองด้านตอนท้ายของเรือนห้อง ตั้งวางขวางอยู่ด้วยตู้เคาน์เตอร์ไม้โอ๊คสูงระดับหน้าอก รูปทรงการต่อแข็งแรงงามสง่าดูจะเป็นของนอกมาจากอังกฤษไม่ก็ยุโรป บนหน้าเคาน์เตอร์ชุดเครื่องตวงถ้วยแก้วอย่างดีสั่งจากนอกวางอย่างระเกะระกะ  ข้าพเจ้าสังเกตดูเห็นเศษแก้วสองสามชิ้นตกอยู่ ใกล้กับรอยไหม้เกรียมที่เนื้อไม้โอ๊ค  นี่กระมังคือร่องรอยระเบิดเมื่อสามสี่วันก่อน บริเวณใกล้ๆกัน มีไหสุราที่หมักกลั่นเองวางอยู่ใกล้ๆ หมอยามีไว้เพื่อใช้สกัดหรือแช่ดองตัวยา และมีโกร่งบดยาเล็กๆ  ข้าพเจ้าใช้นิ้วกวาดที่ก้นโกร่ง ผงยาติดปลายนิ้ว  เมื่อบี้ผงแล้วตรวจดูก็ทราบได้ทันทีว่านี้คือ  เกลือเงินซิลเวอร์ไนเตรท มันเป็นสารประกอบที่ทางการแพทย์สมัยนี้เตรียมไว้เพื่อรักษาแผลและห้ามเลือด  ตามตำรายาพระองค์เจ้าสายสนิทวงษ์ว่าไว้ นอกนี้ก็มีสมุดไทยตำรายาเล่มใหญ่ มี เศษไม้ใบไม้สมุนไพร ที่สะดุดตาข้าพเจ้าเป็นกิ่งไม้เล็กแห้งที่มันไม่ใช่พืชที่มีถิ่นฐานอยู่ในสยามประเทศ  มั่งอึ้งคือชื่อของมันเป็นพืชสมุนไพรจากเมืองจีนใช้ปรุงยารักษา บรรเทาอาการหืดหอบ  เภสัชกรนักวิทยาศาสตร์ได้ค้นพบตัวยาสารออกฤกษ์สำคัญคืออีฟรีดีนท่านหลวงคงใช้มันประกอบเตรียมยาอะไรอยู่ สักอย่าง แค่หลักฐานที่ได้ตรงเคาน์เตอร์นี้ ข้าพเจ้าสามารถพบเงื่อนงำอะไรบางสิ่งที่ขจัดข้อคาใจไปได้บ้างแล้ว
ข้าพเจ้าได้สนทนาสอบถามกับคุณหญิงภรรยาหม้ายอีกครั้งถึงเรื่องราวพฤติกรรมที่อาจบ่งบอกความผิดปกติระยะช่วงสุดท้ายก่อนสิ้นชีวิตก่อนสิ้นชีวิต ได้ความว่า
อิฉัน ก็ไม่อาจเล่าความได้ทั้งหมดเพราะโดยปกติแล้วพี่หลวงท่านจะแบ่งปันเวลาให้กับงานราชการอยู่เสียส่วนใหญ่ หากว่างเว้นมาอยู่เรือนก็ยังต้องเที่ยวเวนอยู่กับอนุภรรยาบ้านเล็กอีกสามคนสลับสับเปลี่ยนหมุนเวียนกับอิฉัน พอมาระยะหลังสักหกเจ็ดเดือนมานี่...”คุณหญิงหยุดพูดแล้วเม่อลอยดวงตาละห้อยถวิ่นหาแต่ได้ไม่นานเธอก็ยืดอกเชิดหน้า ข่มความรู้สึกของลูกผู้หญิงด้วยเป็นหนึ่งในกลุสตรีแม่หญิงสยามแล้วเอื้อนเอ่ยต่อไปว่า
มาไม่นานนี่ หลังจากกลับจากเสียมราฐ ท่านได้ออกเวรไม่ต้องอยู่เฝ้าเสด็จท่าน และก็ไม่ได้เที่ยวไปหาอนุภรรยาอื่น ขุกอยู่ที่เรือนปรุงยาแห่งนี้ ในเพลาที่ท่านพำนักในเรือนแห่งนี้คุณหลวงมุ่งแต่ประกอบยาขนานหนึ่งให้ได้ ท่านบอกอิฉันว่าเป็นยาโป๊วบำรุงกำลังเห็นว่าได้ตำรับยามาจากเมืองจีน คุณหลวงท่านเพียรค้นคว้าปรุงแต่งหามรุ่งหามค่ำทุกวัน นอนดึกทุกคืน น้ำชาจีนที่ท่านเคยจิบดื่มเปลี่ยนมาเป็นกาแฟถ้วยใหญ่เป็นประจำ และระหว่างปรุงยาไปท่านก็มักจะทดลองกินยาด้วยตนเองประจำบ่อยๆ ด้วยวันละสองสามมื้อ คุณหญิงพูดด้วย้ำเสียงที่เบาบางลงเรื่อยๆ จนหยุดขาดช่วงลง ข้าพเจ้าและสหายรักดุจน้องชายได้แต่มองหน้ากันแล้วต้องปล่อยให้ทั้งหมดตกอยู่ในสภาพที่เงียบงันสักครู่ ชั่วเคี้ยวหมากแหลก เมื่อเธอตั้งสติได้ก็สะอื้นเอ่ยต่อว่า
ก่อนที่ท่านจะสิ้นชีพ ท่านยังคงมีสติบอกอาการว่า ปวดศีรษะ หัวใจกำเริบ ชีพจรเต้นเร็ว ลมออกหู ออกตา ก่อนสิ้นใจ ใบหน้าท่านแดงกล่ำ โอ้! ไม่น่าเลย ท่านไม่น่าด่วนจากอิฉันไป ต้องเป็นเพราะ  อ้าย ... นายธมหมอเชลยศักดิ์ขอมผู้นั้นมันต้องวางยาท่านแน่ แน่.. “
แล้วมองซิเออเดอปาปวน ละครับท่านหญิง เคยโกรธแค้นเป็นคดีวามกับท้องพระคลังหลวงถูกปรับไหมจนหมดเนื้อหมดตัวก็เพราะคุณหลวงแท้ๆ ไม่ใช่หรือขอรับ เขาก็ร่วมไปเสียมราฐด้วยเหมือนกัน แล้วก็ระเบิดที่เรือนปรุงยานั่น อื่ม...ครับพี่หมอ
ข้าพเจ้าชิงยกมือให้สัญญาณห้ามนายโปลิศหนุ่ม ซึ่งก็ได้ผลเขาหยุดชะงักการพูดทันที อันที่จริงข้าพเจ้าก็ไม่ประสงค์จะไขความข้อนี้ต่อกลางวงสนทนานี้สักเท่าไหร่หรอก 
ก่อนอื่น เธอต้องเข้าใจว่า นักปราชญ์ยังรู้พลั้งและการเป็นผู้ใฝ่รู้เพียรศึกษาในศาสตร์วิชาต่างๆ ที่เป็นวิทยาศาสตร์หากไม่มีการลงมือกระทำทดลอง พิสูจน์ ลองผิดลองถูกตามแบบตะวันตก วิชา
ความรู้นั้นก็มิอาจยอมรับหรือจะถือเป็นตำราคำภีร์ว่านำมาใช้ประโยชน์ได้ตลอด คุณหลวงท่านมีจิตวิญญาณนักวิทยาศาสตร์จริง ท่านค้นคว้าพิสูจน์ทดลองความรู้ใหม่ๆที่ได้มา เรื่องเหตุระเบิดที่ห้องปรุงยานั้นเกิดเพราะท่านเอง เธอก็เห็นรอยไหม้ไฟที่เคาเตอร์ไม้โอ๊คแล้วไม่ใช่หรือ เกิดจากเกลือเงินไนเตรททำปฏิกิริยากับแอลกอฮอลสุราสกัดตัวยานั้นทำให้ระเบิดได้ ที่คุณหลวงที่กำชับคุณหญิงมิให้แพร่งพรายเรื่องนี้ออกไปเพราะเกรงว่าจะเป็นการขายหน้า เมื่อข้าพเจ้ากล่าวจบคุณหญิงพยักหน้าตอบรับ และนายโปลิศหนุ่มสงบนิ่งมิกล่าวอะไร ข้าพเจ้าขอร้องให้คุณหญิงนำสมุดข่อยสูตรยาและตัวยาที่คุณหลวงใช้ปรุงยาโป๊วนั้นมาให้เราตรวจดู ขณะที่ข้าพเจ้ากำลังตรวจดูสูตรยาที่จารลงสมุดข่อยเทียบกับตัวยาในสูตรอยู่นั้น นายโปลิศใหญ่ก็สำแดงอาการลิงโลดแสดงความรู้พื้นฐานของหมอยาที่ตนมีติดอยู่บ้างออกมา
นี่ไง !พี่หมอ สูตรในสมุดข่อยตำรับนี้ท่านให้ใช้ตัวยากาบินหนี แต่คุณหลวงใช้ตัวยา โคกกระสุนผิดตัวยา ผิดสูตรยา
ถูกต้อง ของคุณหลวงราชแพทย์แล้วล่ะ โบราณท่านมักนิยมเรียกชื่อตัวยาในตำรับให้แปลกออกไป ผู้พบเห็นที่มีความรู้จึงสามารถนำไปใช้ได้ที่จริงเป็นตัวยาสิ่งเดียวกันแต่เรียกชื่อต่างกัน อย่างเช่น ขมึ้นเครือ บางตำราจะบันทึกเป็น หนีสงสาร’ ”  พอข้าพเจ้าอธิบายจบ นายโปลิศใหญ่ก็ยังไม่ละความกังขา
นี่ไง ! พี่หมอเครื่องหมายตีนกาที่ใช้บอกน้ำหนักส่วนผสมของตัวยา สูตรเขียนไว้ว่า



อ่านแปลว่า ใช้ตัวยาหนัก ๒ ชั่ง ๓ ตำลึง ๑บาท ๒ สลึง ๑ เฟื้อง ๓ ไพ แต่คุณหลวงแปลงสูตรเป็น ๒ชั่ง ๓ ตำลึง บาท ๒ สลึง เฟื้อง ๓ ไพ ตัวยาจะไม่ครบน้ำหนัก ผิดสูตร กระผมว่าอาจเกิดอันตรายได้
ถูกต้องของคุณหลวงราชแพทย์แล้ว การแปลงน้ำหนักจากเครื่องหมายตีนกา ถ้าเป็นเลขหนึ่งกำกับแล้ว ท่านมักจะไม่ลงตัวเลข และก่อนที่ขุนเทพนารายณ์(สัน)จะพูดอะไรขึ้นมาอีก ข้าพเจ้าก็ชิงเฉลยคดีนี้ว่า
ในตำราที่คุณหลวง ปรุงและรับประทานเป็นประจำสูตรนี้มีตัวยาที่เรียกว่า มั่วอึ้งเป็นส่วนประกอบอยู่ สมุนไพรชนิดนี้มีสารออกฤทธิ์ชื่ออีฟรีดีนมีฤทธิ์กระตุ้นความดันเลือดโลหิตอยู่แล้ว พอมาดื่มน้ำชากาแฟที่มีสาร คาเฟอีนที่ออกฤทธิ์กระตุ้นเหมือนกัน มันจึงเป็นการเสริมฤทธิ์ร่วมกันให้ทวีมากยิ่งขึ้น ก็เหมือนโลหะทองแดงหรือตะกั่วเมื่อผสมกับดีบุกก็เพิ่มความแข็งแรงให้เหรียญกษาปณ์  ดังนั้นเมื่อคุณหลวงลองทดลองยาด้วยตนเองและในเวลาใกล้ๆกันก็ดื่มชากาแฟร่วมด้วยผลที่ออกมาจึงทำให้คุณหลวงเกิดความดันโลหิตสูง หัวใจและชีพจรเต้นแรง เร็ว คุณหลวงท่านก็อยู่ในวัยสูงอายุทั้งยังต้องตรากตรำราชการดูแลภรรยาและอนุภรรยาถึงสี่คนให้สุขสบาย ไหนเลยร่างกายจะต้านทานฤทธิ์ยาที่ทวีเพิ่มขึ้นได้ จึงต้องมาจบชีวิตลง คงไม่ใช่สาเหตุจากยาสั่งแต่ประการใด

ไม่มีความคิดเห็น: