จำนวนการดูหน้าเว็บรวม

วันจันทร์ที่ 8 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

สภาวะการนอนหลับผิดปกติ( Sleep Disorder )



                                  
               สภาวะการนอนหลับที่ผิดปกติหรือที่เรียกว่า  Sleep Disorder หมายถึงความยากลำบากในการนอนหลับ ซึ่งจะเกิดขึ้นในช่วง เข้าสู่ภาวะหลับหรือ อยู่ระหว่างการหลับหรือในช่วงระยะเวลาหลับ เกิดพฤติกรรมการหลับที่ผิดปกติ เช่น กลัวกลางคืน เดินละเมอ (night terror)
             การนอนหลับเป็นสิ่งจำเป็นต่อสุขภาพที่ดี แต่เพราะอะไร  มีประโยชน์ต่อคนเราอย่างไรยังไม่เป็นที่เข้าใจท่องแท้นัก คนแต่ละคนต้องการระยะเวลาการหลับแปรผันกันไป ผู้ใหญ่ที่มีสุขภาพที่ดีต้องการน้อย เพียง ๖ ถึง ๙ ชั่วโมงในแต่ละวัน ( ดูตารางประกอบ )


อายุ
จำนวนชั่วโมงหลับ
เปอร์เซนตสภาวะREM

เปอร์เซนตสภาวะหลับขั้น4
เด็กแรกเกิด
13-17
50
25
 2  ปี
9-13
30-35
25
10 ปี
10-11
25
25-30
16-65 ปี
6-9
25
25

ส่วนใหญ่ผู้คนนอนในตอนกลางคืนแต่ก็มีอีกหลายคน ต้องการหลับในช่วงกลางวันเพื่อชดเชยการทำงานในช่วงกลางคืนซึ่งแบบนี้มักจะเกิด สภาวะการนอนหลับที่ผิดปกติ  อาการนอนหลับผิดปกติส่วนใหญ่เป็นเรื่องธรรมดา






วงจรขั้นตอนเข้าสู่สภาวะหลับ
การหลับไม่ใช่สภาพที่คงตัวแน่นอน จะประกอบไปด้วยขั้นระดับ ทีแยกแยะเป็นลำดับสลับหมุนเวียนกันไปปกติ ๕-๖รอบต่อคืนเริ่มด้วยการพัฒนาจากขั้นที่หนึ่งเป็นระดับต้นเบาอ่อนสุดของการหลับ ผู้หลับสารถลุกขึ้นมาตื่นได้ง่าย แล้วจะพัฒนาเรื่อยมาจนถึงขั้นที่๔ หลับลึกสุด ณ.ระดับนี้ กล้ามเนื้อของผู้นอนจะคลายตัว ความดันโลหิตต่ำสุด อัตราการเต้นของหัวใจและอัตราการหายใจอยู่ ในระดับต่ำสุด    นอกจากทั้ง สี่ระดับนี้ ยังมีรูปแบบพฤติกรรมที่มาประกอบด้วย คือระยะ   REM ( Rapid Eye Movement ) การกลอกตาทั้งสองข้างไปมาอย่างรวดเร็วในขณะนอนหลับ และพฤติกรรมต่างๆระหว่างการเกิด REM คือ กระแสไฟฟ้าในสมองจะสูงผิดปกติ อะไร อะไรหลายอย่างดูจะอยู่ในสภาพตื่นตัวเต็มที่ การเคลื่อนไหวของลูกนัยตา ,คลื่นสมองเปลื่ยนแปลงอยู่ประกอบอยู่ใน  REM ระยะนี้ จนสามารถบันทึกวัดได้ในรูปคลื่น EEG ( Electroencephalogram )ภาพคลื่นกระแสไฟฟ้าสมอง ในระดับที่เกิด EEG นี้อัตราและความลึกของการสูดลมหายใจเพิ่มขึ้น,กล้ามเนื้อคลายตัวลงอย่างมากกว่าระดับลึกสุดที่ไม่ใช่รูปแบบREM
ส่วนใหญ่ความฝันจะเกิดขึ้นระหว่างระยะ REMและ การหลับระยะขั้น สาม ขณะที่หากจะเกิดความวุ่นวายเลวร้าย เช่นการเดินละเมอจะเกิดขึ้นในการหลับระยะขั้น สาม,สี่
ในระหว่างการหลับในคืนปกตินั้น เกิด REMในแต่ละห้า- หกรอบของการหลับอย่างรวดเร็วตามหลังระดับการหลับนั้นเรียงกันมา ระดับ หนึ่งสองสาม สี่แต่มันก็สามารถเกิดขึ้นได้ ณ.จากทุกระยะขั้นของการหลับได้เช่นกัน




 
ระยะ1.หลับเบาๆกินเวลา.นาน4-5เปอร์เซนต์ของรอบกล้ามเนื้อทำงานช้าลงบางครั้งก็ตึง




ระยะ2..นาน 45-55เปอร์เซนต์ของรอบรูปแบบหายใจและการเต้นหัวใจช้าลงอุณหภูมิร่างกายค่อยๆเพิ่มขึ้น
ระยะ3 นาน 4-6เปอร์เซนต์ของรอบ เริ่มหลับลึกลงคลื่นเดลต้าช้าลง
ระยะ4 นาน12-25เปอร์เซนต์ของรอบ หลับลึกมากการหายใจเป็นจังหวะ จำกัดกิจกรรมกล้ามเนื้อสมองสร้างคลื่นเดลต้า
ระยะ REM ระยะการกลอกตาอย่างรวดเร็วนาน 20-25เปอร์เซนต์คลื่นสมองเพิ่มความเร็วความฝันเกิดขึ้นกล้ามเนื้อผ่อนคลายอัตราเต้นหัวใจเพิ่มและตื้น







การนอนไม่หลับ (Insomnia )
คือ อาการยากลำบากกว่าที่ผู้เข้านอนจะตกอยู่ในภาวะหลับเป็นภาวะอยากลำบากในการนอนหลับทำให้คนนั้นรู้สึกว่าหลับไม่เพียงพอเมื่อเวลาเขาตื่นขึ้น
การนอนไม่หลับอินซ่อมเนียนี้ไม่ใช่โรค แต่เป็นอาการที่มีสาเหตุมาจากหลายทางเช่น การผิกปกติทางอารมณ์,ความผิดปกติทางกายภาค,และผลของการใช้ยา
ความยากลำบากในการเข้าสู่ภาวะหลับเป็นเรื่องปกติที่เกิดขึ้นทั้งเด็กและผู้ใหญ่มันมักจะมีการแปรปรวนทางอารมณ์ร่วมด้วย เช่น ความโกรษ,ประสาทกระวนกระวาย, เครียดกดดันหรือตื่นกลัวบางครั้งผู้มีอาการยากที่จะหลับได้เพราะร่างกาและสมองไม่เหนื่อยเลย สำหรับคนสูงอายุจะมีแนวโน้มหลับได้ลงอยู่แล้ว ฉนั้นระยะขั้นตอนเข้าสู่ภาวะหลับทั้งสี่ขั้นจึงเปลื่ยนไป  ระยะที่สี่จะหดสั้นลงหรืออาจหายไปไม่เกิดขึ้นหรือไม่ก็เกิดขึ้นบ่อยครั้งระหว่างขั้นระยะของการหลับต่างๆ การเปลื่ยนแปลงนี้ทำให้ผู้สูงอายุคิดว่าพวกเขาหลับได้ไม่เพียงพอ อย่างไรก็ตามไม่มีหลักฐานพิสูจน์ว่าผู้สูงอายุที่สุขภาพดีต้องการเวลาหลับเท่ากับคนหนุ่มสาว หรือจำเป็นต้องบำบัดรักษาอาการเพื่อเข้าสู่สภาพปกติ มันเป็นเรื่องปกติเปลื่ยนไปตามวัยอายุ
การตื่นนอนก่อนเวลาอันสมควร An early awakening  รูปแบบนี้มักปรากฏเป็นปกติให้เห็นในผู้สูงอายุ บางคนหลับได้ตามปกติต่อมาอีกหลายชั่วโมงเมื่อตื่นตอนขึ้นก็ไม่สามารถหลับลงได้ง่ายอีกครั้ง  บางครั้งเดี๋ยวหลับเดี๋ยตื่นจากภาวะกระวนกระวายหลับอย่างไม่น่าพอใจ การตื่นนอนก่อนเวลาอันควรอาจแสดงถึอาการเครียด ผู้มีอาการอาจมีประสพการ์ณกับจังหวะหลับแบบผกผัน พวกเขาตกอยู่ในช่วงสภาวะหลบในช่วงเวลาไม่เหมาะสมและหลังจากนั้นไม่สามารถหลับได้เมื่อเวลานอนมาถึง การผกผันนี้เกิดขึ้นจาก จังหวะการหลับผกผันsleep rhythm reversal มักเป็นผลจากสาเหตุเหล่านี้ เช่น อาการเจ็ทแล็ก (Jet lag) อาการเมาเวลา จากการ,เดินทางโดยสารเครื่องบินเฉพาะอย่างยิ่งจากตะวันออกสู่ตะวันตก,การทำงานกะกลางคืน
การแปลื่ยนชั่วโมงทำงานบ่อยครั้งหรือดืมสุรามากเกินไปรวมทั้งผลของอากาข้างเคียงของการใช้ยา,การที่สมองถูกทำลายในส่วนที่สร้างนาฬิกาชีวิตโดยไข้สมองอักเสบ,กระทบกระแทกการเกิดสโต๊กหรืออัลไซเมอร์ เป็นต้นเหล่านี้กระทบรูปแบบการหลับ


การวินิจฉัย
แพทย์จะประเมินรูปแบบการหลับของคนไข้ การใช้ยา การติดสุรา รวมถึงภาวะความเครียดทางจิตใจ ประวัติสุขอนามัยส่วนตัวเพราะระดับทางกายภาคคนไข้บางคนต้องการเวลาหลับน้อยกว่าผู้อื่น ทั้งนี้การวินิจฉัยอาการนอนไม่หลับอยู่บพื้นฐานความต้องการของแต่ละคนด้วย แพทย์อาจแบ่งภาวะเงื่อนไขอินซ่อมเนีย(Insomnia ) บนพื้นฐานได้ ๒ ระดับคือ
--การนอนไม่หลับ (หลับยาก)แบบปฐมภูมิ
--การนอนไม่หลับ( หลับยาก )แบบทุติยภูมิ
ระดับปฐมภูมิอาจจะไม่มีอาการเครียดหรือมีเพียงเล็กน้อยเท่านั้นส่วนระดับทุติยภูมิจะมีอาการกังวลกระวนกระวายเจ็บปวดอาการทางการแพทย์และ ความเครียดกดดันอย่างหนักเข้ามาด้วย
การรักษา  ขึ้นอยู่กับสาเหตุและระดับความรุนแรง  ผู้สูงอายุมีอายุที่สัมพันธ์กับประสบการ์ณนอนหลับ มักไม่ต้องการการรักษา เพราะการเปลื่ยนแปลงนี้เป็นเรื่องปกติ ช่วงระยะเวลาที่อยู่ในภาวะหลับจะน้อยลงตามวัยอายุทีสูงขึ้น  เป็นเรื่องปกติ ผู้สูงวัยอาจพบว่าการเข้านอนแต่หัวค่ำหรือตอนดึกจะช่วยในการบำบัดได้   บางคนที่มีอาการอาจได้ประโยชน์โดยทำตัวเองให้สงบและผ่อนคลายในช่วงเวลาที่ก่อนเข้านอนและสร้างบรรยากาศห้องนอนให้น่านอนโดยมีแสงไฟอ่อนเสียงดนตรีเบาๆ อากศอุณหภูมิเย็นสบาย เหล่านี้เป็นสิ่งจำเป็น
           การเครียดมีอารมณ์ฉุนเฉียวเป็นสาเหตุเกิดภาวะนอนไม่หลับ รักษาโดยขจัดอาการเครียดออกไปจะได้ผลมากกว่าการทำให้หลับเสียอีก  เมื่อมีอาการเครียดกดดันสริมขึ้นมาในการนอนมิ่หลับ ต้องประเมินความเครียดความกดดันและรักษาโดยแพทย์ ยาแก้อาการเครียดกดดัน บางชนิดสามารถเสริมภาวะการหลับได้ดีเพราะว่ามันมีคุณสมบัติของยานอนหลับอ่อนๆประกอบอยู่ด้วย แต่เมื่อการนอนหลับผิดปกติเข้ามารบกวนกิจกรรมปกติส่วนบุคคลและกระทบต่อความเป็นอยู่ที่ดี   การรักษาโดยยานอนหลับ (Sedative, Hypnotic) อาจช่วยได้
อาการนอนมาก  (Hypersomnia)  คืออาการนอนยาวมากกว่าปกติถึงหนึ่งในสี่เท่ากว่าปกติของคนๆหนึ่ง เป็นอาการผิดปกติเล็กน้อย เมื่อเกิดอาการนี้มักจะเป็นสัญญาณแสดงบอกอาการป่วยที่รุ่นแรงตามมา ถ้าเกิดอกรเป็นชั่วครั้งคราวอาจเกิดได้ในคนสุขภาพดีสัก ๒-๓ คืน หรือ ๒-๓วัน หลังช่วงเวลาทีอดหลับอดนอนมานาน หรือออกกำลังใช้ร่างกายอย่างทุ่มเท หากเกิดอาการนี้นานมากกว่า สองสามวัน อาจบ่งถึงสภาพการป่วยทางจิต เช่น โกรษจัดรุนแรง,จิตใจหดหู่อยากมาก,การใช้ยานอนหลับเกินขนาด,การขาดอ๊อกซิเจน  และการมีระดับคาร์บอนไดอ๊อกไซค์สูงอยู่ในร่างกายอันเนื่องมาจากภาวะหยุดหายใจชั่วคราวขณะนอน( sleep apnea)  สมองผิดปกติ   การไฮเปอร์ซอมเนียร แบบเรื้อรังในช่วงชีวิตเยาว์งัยอาจเป็นอาการของภาวง่วงเกิน         (Narcolepsy)  เมื่อเกิดการหลับมากหลับเกินกระทันหันขึ้น แพทย์จะถามถึงอารมณ์ของผู้นั้น เหตุการ์ณในช่วงที่ผ่านมาและการกินใช้ยา แพทย์จะตรวจ หัวใจ, ตับ , ปอด  ทำการทดลองทางคลีนิดเพื่อยีนยันโรค
การเกิดอาการนอนมาก ที่เป็นมาไม่นาน  ไม่ง่ายต่อการอธิบายว่ามีสาเหตุจากเป็น โรค หรือการใช้ยาเกินขนาดจำเป็น  อาจเป็น เพราะว่าสภาพป่วยทางจิต หรืออาจเพราะว่าปัญหาระบบประสาทเช่น(เยื่อ)หุ้มสมองอักเสบหรือมีเนื้องอกในกระโหลก แพทย์ทาง ประสาทอาจสั่งให้ตรวจ โดยการถ่ายภาพรังสีส่วนตัดอาศัยคอมพิวเตอร์( Computed Tomography)หรือทำการสร้างภาพด้วยเรโซแนนซ์แม่เหล็ก  (Magnetic Resonance Image scan )
ภาวะง่วงเกิน Narcolepsy
การหลับผิดปกติประเภทนี้จะแสดงออกโดยการเกิดแทรกระหว่างเวลาตื่น เช่นเดียวกับอาการ cataplexy, sleep paralysis ,hallucination จิตหลอน
สาเหตุการเกิด Narcolepsy ภาวะง่วงเกินไม่อาจทราบได้แต่การผิดปกตินี้มักเกิดในบุคคลภายในครอบครัวต่อๆกันมา คราดว่าเป็นกรรมพันธุ์ ขณะที่ภาวะง่วงเกินจะไม่รุนแรงแต่มันสามารถทำให้เกิดอุบัติเหตุได้
ลักษณะอาการ  ปกติเริ่มด้วย ในวัยหนุ่มสาวและปรากฏให้เห็นตลอดชีวิต ผู้มีอาการนี้จะถูกโจมตีด้วยอาการง่วงนอน หลับอย่างผิดปกติทุกช่วงเวลา การเข้าสู่ภาวะหลับผู้ป่วยอาจต่อต้านได้เพียงเล็กน้อยชั่วคราวเท่านั้น แต่ครั้นหลับลงผู้นั้นจะง่ายต่อการกระตุ้นให้ตื่นขึ้นมา มันอาจเกิดขึ้นหลายครั้งในหนึ่งวันหรืออาจเกิดน้อยครั้ง กินเวลาหนึ่งชั่วโมงหรือน้อยกว่านั้น  การเกิดอาการนี้ส่วนใหญ่เกิดในระหว่างผู้นั้นปฏิบัติหน้าที่กระทำต่อเนื่องในเหตุการ์ณที่ซ้ำเดี่ยวกันตลอด ไม่เปลื่ยนแปลงอริยบท การอยู่ในระหว่างการประชุมที่น่าเบื่อ หรือการขับรถบนทางหลวงยาวนาน  ผู้เกิดอาการอาจรู้สึกสดชื่นเมื่อตื่นขึ้นแต่ก็อาจจะง่วงหลับได้อีกเมื่อหลายนาทีต่อมา
     บุคคลที่มีอาการ ภาวะง่วงเกินอาจกลายสภาพเข้าสู่อัมพาตอย่างกระทันหัน  โดยปกติจากผู้เสียสติสัมปัชญะ( เราเรียกภาวะนี้ว่าภาวะปวกเปียก (cataplexy)ที่จะตอบโต้ความโกรษ ความกลัว หัวเราะรื่นเริง หรือประหลาดใจ ผู้นั้นอาจจะปล่อยของในมือตกหล่นโดยไม่รู้ตัวหรือล้มลงพื้น  บางครั้งเกิดอาการผีอำ (sleep paralysis) ขณะหลับอยู่หรือตื่นขึ้นอย่างกระทันหัน  ผู้เกิดอาการจะประสพการ์ณเกี่ยวกับความรู้สึกต้องการเคลื่อนไหวแต่ไม่สามารถกระทำได้ ประสพการ์ณนี้จะหลอกหลอนแบบเหมือนจริงระหว่างที่เขาได้ยินเห็นซึ่งมันไม่มีจริงอยู่ตรงนั้น  อาการอาจพบก่อนเข้าสู่ภาวะหลับได้มากกว่าหลังตื่นนอน อาการจิตหลอนเหมือนกับการเข้าฝันปกติแต่เข้มข้นมากกว่า เกือบร้อยละ 10 ของคนที่เป็นภาวะง่วงเกินจะมีอาการลักษณะดังกล่าว ส่วนใหญ่ไม่มีอาการนี้ร่วมด้วย 
การวินิจฉัย อยู่บนพื้นฐานของอาการหรืออาการที่เหมือนคล้ายซึ่งไม่จำเป็นต้องใช่อาการ ปวกเปียก (cataplexy)หรืออาการผีอำ (sleep paralysis) หรืออาการจิตประสาทหล่อน  อาการนี้มักเกิดบ่อยเป็นปกติในวัยเด็กและผู้ใหญ่ที่สุขภาพไม่ดี  คนไข้ควรถูกส่งทดสอบในห้องตรวจสอบการหลับที่มีการทำ บันทึกสัญญาณคลื่นไฟฟ้าสมอง และ EEG ( electro encephalogram),อาจแสดงว่า REM ระยะขั้นของการหลับ ที่ผู้ป่วยตกอยู่ในภาวะการหลับเป็นลักษณะบ่งถึง ภาวะง่วงเกิน  ไม่มีการเปลื่ยนแปลงโครงสร้างสมองได้ถูกบันทึกไว้หรือการเปลื่ยนแปลงใดๆในการตรวจเลือด
การรักษา ภาวะง่วงเกิน
ยากระตุ้นเช่น   ephedrine และamphetamine, dextroamphetamine  methylphenidate อาจบรรเทาอาการนี้ได้แต่ขนาดการรักษาของยาต้องคำนึงถึงอาการข้างเคียงที่เกิดขึ้นด้วย เช่น อาจเกิดความกระวนกระวายใจ
( jitteriness, over activity ) หรือผิวหนัง....
แพทย์จะควมคุมคนไข้อย่างใกล้ชิดเมื่อเริ่มให้ยาการรักษา
ยา Imipramine  และยาต้าน ความเครียดกดดัน  ปกติมักจะช่วย อาการปวกเปียก cataplexy
ภาวะหยุดหานใจระหว่างนอนหลับ( sleep apnea syndromes)
เป็นเรืองความผิดปกติระหว่างนอนหลับที่อันตรายเกิดกับบุคคลนั้นหยุดหายใจในเวลานานพอทีปริมาณอ็อกซิเจนในกระแสเลือดและสมองลดลงและคาร์บอนไดอ็อกไซเพิ่มขึ้น  ภาวะหยุดหายใจระหว่างหลับสามารถเกิดและขัดขวางระดับต้นและปลายหลอดคอหอยหรือหลอดลมส่วนบน ภาวะหยุดหายใจเกิดโดยสมองส่วนกลางในสมองบางส่วนมที่ควบคุมระบบหายใจไม่ทำงาน
บางครั้งในการผลิตจำนวนหายใจจะประกอบด้วยระดับอ็อกซิเจนในเลือดต่ำและระดับคาร์บอนไดอ็อกไซค์สูงในเลือดควบกันไป ทำให้ลดการตอบสนองของสมอง ( พูดอีกนัยหนึ่งว่าเกิด sleep apneaส่วนปลายจะให้ผลเกิดภาวะหยุดหายใจระหว่างนอนหลับที่เกิดจากสมองด้วย  )
                        โดยปกติมักเกิดกับคนอ้วน พวกที่ส่วนใหญ่พยายามนอนหลับเอนนอนหลังของตนเอง มักเกิดได้น้อยกับผู้หญิง  ผู้ชายโรคอ้วนอาจเกิดผสมกับอายุของเนื้อเยื่อร่งกายและองค์ระกอบอื่นๆ  ทำให้ทางเดินหายใจส่วนบนแคบลง   การสูบบุหรี่ดืมสุรา มากๆ และมีโรคปอด เช่น ภาวะมีอากาศในเนื้อเยื่อ(emphysema) จะเพิ่มความเสี่ยงที่จะพัฒนาเป็นภาวะหยุดหายใจระหว่างหลับ การใช้ยาเพนนิโซโลน รักษาหายใจขัดระหว่างหลับเพื่อขยายทางเดินหายใจอาจดือยาได้ผลน้อยในภายหลัง เกิดผลต่อมากับสมาชิกครอบครัวต่อๆกันได้
อาการ    เพราะว่าอาการทั้งหลายเกิดระหว่างนอนหลับ อาการเหล่านี้ถูกอธิบายได้โดยผู้สังเกตุผู้ป่วยที่กำลังหลับอยู่ อาการทีพบบ่อยคือ กรน ร่วมด้วยกับ อ้าปากค้าง หอบอากาศเข้า และหยุดเป็นพักๆระหว่างหายใจ gasping choking pauses และสดุ้งตื่นกระทันหัน
                ในกรณีที่รุนแรง จะแสดงอาการซ้ำๆด้วย กระตุ๊ก หอบอากาศเป็นช่วงสั้นๆ( bouts of sleep-related obstructive choking) ทั้งกลางวันกลางคืนและเพิ่มโอกาสเสี่ยงการแทรกซ้อน การเกิดหยุดหายใจระหว่างหลับเป็นเวลานานทำให้ปวดศรีษะ หลับการวันยาว และทำให้กิจกรรมทางอารมณ์ช้าลง อาจเกิดหัวใจล้มเหลวปอดทำงานไม่เพียงพอ ที่จะหายใจจนำอ๊อกซิเจนเข้าขับคาร์บอนไดอ๊อกไซค์ออก
การวินิจฉัย ในระยะเริ่มแรกอาการหยุดหายใจ หายใจขัดระหว่างหลับ มักถูกวินิจฉัยบนพื้นฐานของข้อมูลทีได้จากคู่นอนห้องเดียวกันอธิบายเช่น เสียงดัง กรน อ้าปากค้าง หรือตกใจตืนขึ้น ร่วมด้วยอาการอ่อนเพลียในเวลากลางวัน ผลการตรวจยืนยันทีดี ควรได้จากห้องแล๊ป ห้องปฏิบัติการทดลองการหลับ  การวิเคราะห์แพทย์สามารถแยกแยะว่ามาจากเหตุ การขัดขวางทางเดินหายใจ หรือสาเหตุจากสมองส่วนกลาง
การรักษา สำหรับผู้ที่เกิดอาการหยุดหายใจขณะนอนที่มีสาเหตุจากการขัดขวางทางเดินอากาศ ให้เลิกและหลีกเลี่ยงการดืมสุรา เกินควร ลดน้ำหนักเป็นข้อปฎิบัติลำดับแรก ผู้ที่กรนอย่างหนักและกระตุ๊กเฮือกหายใจเข้าระหว่างหลับ ไม่ควรใช้ยากล่อมประสาท ยาช่วยหลับอื่นๆ แต่สำหรับที่มาจากสาเหตุสมองส่วนกลางมักจะได้รับการช่วยรักษาด้วยเครื่องช่วยหายใจขณะหลับ การเปลื่ยนแปลงท่านอนหลับก็เป็นสิ่งสำคัญ แนะนำให้นอนท่าตะแคง นอนก้มหน้า การใช้หน้ากากกอ๊อกซิเจนสวมใส่เครื่องมือนี้จะช่วยการหายใจแม้จะไม่ช่วยขจัดอาการหยุดหายใจก็ตาม แต่ทำให้การหายใจเป็นปกติ  สำหรับคนไข้ที่มีสาเหตุจากพิษสุราเรื้อรัง ร่างกายจะปรับตัวเร็วกับเครื่องช่วยหายใจ เหล่านี้     คนไข้ส่วนน้อยหายากที่มีสาเหตุนี้และ ต้องใช้การผ่าตัดเปิดช่องหลอดลมให้กว้าง tracheostomy แบบถาวรตลอดลำคอ อย่างไรก็ดีต้องทำโดยผู้ชำนาญการเฉพาะทาง

นอกจากนี้ยังมีอาการอื่นๆที่ปรากฏในรูปแบบของการนอนหลับผิดปกติ.อื่นๆเช่น
Insomnia,. Sleeping pill , dependence  Hypersomnia  Nightmares
การตรวจวินิฉัยของแพทย์จะกระทำในศุนย์ วิจัยห้องประเมินการหลับ โดยการประเมินทดสอบขั้นต้นในจะรวมถึง
ซักถามประวัติการนอน มักจะมีการลงบุ๊คบันทึกไว้
ประวัติการป่วยทั่วๆไป
การตรวจเลือด
การทดสอบการหลับในห้องปฎิบัติการ  ตัวอย่างกรณีศึกษาทดสอบการนอนคือ
I  overnight polysomnography
II  a multiple sleep latency test
การทดสอบแบบที่ Iให้คนไข้ใช้เวลากลางคืนในห้องปฎิบัติการ โดยมีขั้วไฟฟ้าวัดระยะการหลับและวัดพารามิเติอร์อื่นๆ ทางร่างกาย การทดสอบจะประเมิน  sleep apnea หรือการเคลื่อนไหวผิดท่าทางระหว่างการหลับ ขณะที่การศึกษาแบบที่  II  คนไข้ใช้เวลาในตอนกลางวันในห้องทดลองการนอนงีบหลับ เป็นระยะ ระยะ การทดสอบนี้มุ่งไปยังค้นหา ภาวะง่วงนอนเกิน โดยเฉพาะ Narcolepsy
         การใช้ยากล่อมจิตประสาทต้องมีใบสั่งแพทย์สั่งจ่ายคนไข้ก่อน เพราะมันอาจเป็นอันตรายถ้าใช้เกินขนาด เกิดความเสี่ยงต่อระบบหายใจด้วยเพราะยาจะไปออกฤทธิ์กดสมองบริเวณที่ทำหน้าที่ควบคุมการหายใจและยาสามารถลดความตื่นตัวในช่วงเวลากลางวันด้วย การทำงานกับเครื่องจักรอันตรายต้องระมัดระวัง    ยากล่อมประสาท Hypnotic ที่นิยมคือ benzodiazine เบนโซไดอะซีน เพราะว่ามันจะไม่ลดระยะเวลาการหลับช่วง REM มันไม่ลดระยะเวลาฝัน และยา กลุ่มเบนโซไดอะซีนบางชนิด ออกฤกธิ์ได้นานกว่ายาชนิดอื่น ผู้สูงอายุที่ระบบขจัดยาด้อยกว่าวัยหนุ่มสาวอาจพบกับอาการ  daytime drowsiness slurred speech จะหกล้ม ด้วยเหตุนี้แพทย์จึงงดสั่งยากลุ่มเบนโซไดอะซีน ชนิดที่ออกฤทธิ์ยาวนาน

อ้างอิงและเรียบเรียงจาก
 The  Merck Manual of Medical information ( Home Edition ) 

ไม่มีความคิดเห็น: