โรคอัลไซเมอร์ คือความสามารถในการจำ,คิด,ความเข้าใจ,สื่อสารและการควมคุมพฤติกรรมตนเองลดลงอันเนื่องจากเนื้อเยื่อสมองเสื่อมลง โรคนี้ส่วนใหญ่เกิดกับผู้สูงอายุ มักเกิดได้อยากกับบุคคลที่มีอายุต่ำกว่า ๖๐ปีและพบได้มากกขึ้นเมื่อเมื่อมีอายุสูงขึ้น พบได้ประมาณร้อยละ ๑-๓ กับบุคคลที่อยู่ระหว่าง๖๐-๖๔ปีและมากถึง ร้อยละ๓๐กับผู้ที่อายุมากกว่า ๘๕ปี ในสหรัฐอเมริกาประชากรราว๔ล้านคนเป็นอัลไซเมอร์ส่วนในประเทศไทยมีผู้ป่วยโรคนี้ประมาณ ร้อยละ๒-๔ของผู้ป่วยที่มีอายุเกิน ๖๐ปี เมื่อเกิดภาวะอัลไซเมอร์เนื่อเยื่อสมองจะเสื่อมในแบบผิดปกติอันมีลักษณะเฉพาะ เซลประสาทจะหายไป มีการพันกันสับสนยุ่งเหยิงของเส็นใยประสาทที่เรียกว่า แทงเกิล(Tangles) และเกิดการเกาะกลุ่มรวมเป็นแผ่นของสารโปรตีนที่เรียกว่าอะมายลอยด์ (Amaloid)ระหว่างเซลประสาท คนป่วยอัลไซเมอร์จะมีระดับสารอะเซตทีลโคลีน (Acetylcholine) สารสื่อนำประสาทที่ช่วยให้เซลประสาทติดต่อระหว่างกันกันลดลง
อาการ อาการคล้ายกับผู้ป่วยโรคสมองเสื่อม จะสูญเสียความทรงจำ เปลื่ยนแปลงบุคคลิกภาพ มีปัญหาในการใช้ภาษา สับสนงุนงง การดำเนินชีวิตประจำวันยุ่งยากลำบาก พฤกติกรรมแตกแยก บรรดาอาการเหล่านี้อาจไม่เกิดทั้งหมดในคนป่วย ตอนแรกๆผู้ป่วยไม่รู้คัวในการเปลี่ยนแปลง ต่อมาผู้ป่วยอาจจะสังเกตุพบว่าเขาไม่สามารถดำเนินพฤติกรรมกิจกรรมชีวิตได้ดีเท่าเหมือนแต่ก่อน ลักษณะที่ปรากฏขั้นแรกคือการหลงลืมเหตุการณืที่เพิ่งผ่านมา
สาเหตุ ไม่ทราบแน่ชัดถึงสาเหตุที่ทำลายเนื้อเยื่อสมอง สำหรับประชาชนส่วนใหญ่สาเหตุมาจากองค์ประกอบทางพันธุกรรมและสิ่งแวดล้อม แต่ปัจจัยทางสิ่งแวดล้อมมาจากอะไรบ้างยังไม่ทราบแน่ แต่สำหรับคนบางคนยีนพันธุกรรมเป็นสิ่งสำคัญมากกว่า อัลไซเมอร์มักปรากฏให้เห็นกับผู้ที่มีเครือญาติที่เป็นมาก่อน และปรากฏตอนอายุยังไม่มากด้วย
การรักษาอาการเกี่ยวกับความจำ
พยาธิสภาพที่เกิดกับโรคสมองเสื่อมอัลไซเมอร์ นั้นเกิดเนื่องจากการสูญเสียเซลล์ประสาทในสมอง การใชัยารักษาโรคอัลไซเมอร์อาจเป็นการรักษาโดย การให้สารที่ก่อให้เกิดสารสื่อประสาทอย่าง Acetylcholine เช่น Lecithin และ Choline การให้ Muscarinic และ Nicotinic agonist เป็นวิธีที่ให้ผลการรักษาไม่แน่นอนมีผลข้างเคียงมากไม่มีความจำเพาะต่อโรคการดูดซืมยาไม่ดี อาจใช้วิธีการยับบั้งการทำลาย Acetylcholine ซึ่งเป็นวิธีที่นิยมในปัจจุบัน เป็นการเสริมสร้างการทำงานของระบบ Cholinergic โดยการยับยั้งเอนไซม์ที่ทำลาย Acetylcholine โดยพบว่าวิธีนี้มีประสิทธิภาพในการชลอการเสื่อมสมรรถภาพของสมอง ได้ผลดี
เนื่องจากยังมิอาจสามารถรักษาให้หายขาดได้ ทั้งทีมีการทดลองใช้ยามากกว่า ๑๐๐ กว่าชนิดแล้วไม่ได้ผลที่จะหยุดการขโมยความจำ ความสัมพันธ์,ความรู้จักตัวตนเองของผู้คน ปัจจุบันที่สหรัฐอเมริกา นักวิทยาศาสตร์ดำเนินการทดสอบใช้วิธีป้องกันโรคตั้งแต่เริ่มแรกอันเป็นอันเป็นกลยุทธใหม่ ด้วยวิธีการที่เหมือนกันกับคนทีมีสุขภาพสมบูรณ์จะรับประทาน ยาstatinเพื่อลดไขมันคลอเรสเตอร์รอล ป้องกันการเป็นโรคหัวใจ ประชากรที่มีความเสี่ยงโรคอัลไซเมอร์สามารถกินยาเพื่อหยุดอาการของโรคนี้ไว้
นักวิจัยจะตรวจสอบและทดสอบยาชนิดหนึ่งที่ผลักไล่โปรตีนที่เข้าไปยุ่งชนิดหนึ่งที่เรียกว่า อะมายลอยด์(Amyloid) ที่คาดว่าเป็นตัวการก่อให้เกิด อัลไซเมอร์ จนกระทั้งเร็วๆมานี้กลุ่มอะมายลอยด์ที่จับตัวอยู่จะถูกพบเห็นภายหลังเมื่อผ่าตัดสมองผู้ป่วยที่เสียชีวิตและเมื่อตรวจสแกนด้วยเครื่องมือไฮเทคอย่าง โพซิตรอนอิมีชั่นโทโมกราฟฟี *(prositron emission tomography)กับผู้ป่วยที่ยังมีชีวิตอยู่พบว่าคราวเมื่อมีอาการปรากฏขึ้นนี้จะพบการสะสมของอะมายลอยด์(Amyloid)ในสมองเรื่อยมาจนถึง ๒๐ปี บางทีหลังจากนั้นสมองถูกทำลายจนกลับสู่สภาพเดิมไม่ได้ ให้รักษาด้วยการกินยาก็ไม่ได้ผล ไม่มีใครทราบแน่นอนว่า อะมายลอยด์ ก่อให้เกิดอัลไซเมอร์ได้อย่างไร หรือมันเป็นเพียงผลที่เกิดขึ้นภายหลังการเกิด โรคอัลไซเมอร์ การศึกษาใหม่อาจพิสูจน์หาคำตอบของปริศนานี้
เริ่มจากต้นปี คศ.๒๐๑๓ ถ้าได้รับการยอมรับอนุญาตจะ มีการตรวจสอบค้นหาในกลุ่มสมาชิกครอบครัวชาวโคลัมเบียนที่มีเครือญาติป่วยด้วยอัลไซเมอร์ในช่วงอายุ ๕๐-๖๐ปีมาก่อนหลายคนช่วยตัวเองไม่ได้เหมือนเด็กทารก เป็นไปไม่ได้ที่จะพยาการณ์ว่าใครบ้างจะเกิดอาการเป็นอัลไซเมอร์ แต่สำหรับเครือญาติรุ่นต่อมา สามารถตรวจยีนกลายพันธุจากการตรวจเลือด spelle doom ความโชคร้าย
อีริค ไรแมนEric Reiman ผู้อำนวยการถาบัน Banner Alzheimerในเมืองฟีนิกซ์กับทีมงานของเขา และผู้ร่วมงานชาวโคลัมเบียน ตระหนักว่า ครอบครัวเหล่านั้น จะให้ประโยชน์ต่อการสร้างมาตราการป้องกันเริ่มแรกได้ พวกเขาวางแผนที่จะทดลองใช้ยา Crenezumab กับกลุ่มครอบครัว ๑๐๐ คนผู้ซึ้งมีจุดเริ่มของการพัฒนากลายโรคอัลไซเมอร์ และให้ยาหลอกแก่อีกกลุ่ม ๑๐๐คน ส่วนกลุ่มที่สามเป็นผู้ที่ไม่มีสัญญานชี้บ่งว่าจะเป็นอัลไซเมอร์ ก็จะได้รับยาหลอกไปรับประทาน ผู้ร่วมทดลองโครงการ จะได้รับการฉีดยาทุกสองอาทิตย์(สัปดาห์)เป็นเวลาอย่างน้อย ๕ปีและทุกๆสองสามเดือนพวกเขาจะถูกตรวจโดยเครื่อง MRIที่สมองและที่น้ำไขสันหลัง(spinal tap) เพื่อตรวจหาหาโปรตีน Tau amyloid ซึ่งจะเกาะติดอยู่กับเซลสมองที่ตายแล้วและให้มีการทดสอบความจำ ความคิด ที่ออกแบบมาเพื่อการนี้อย่างเช่นการหลงลืมบัญชีรายการคำ โดยให้ดูและจำไว้ก่อนไม่กีนาทีหรือ หลายช่วงโมงล่วงหน้าก่อน เหล่านี้เป็นตัวชี้บ่งอาการอัลไซเมอร์
การศึกษทดสอบจะเสริมด้วยคนไข้กลุ่มและ๑๒คน สามกลุ่ม คนไข้ชาวสหรัฐอเมริกาซึ่งได้รับการบำบัดรักษาเช่นเดียวกัน และแทบจะไม่เหมือนกันในกลุ่มแล้วดำเนินการให้กลายพันธุ์ในยีน๓ตัวที่เป็นเหตุกับการแสดงออกอาการอัลไซเมอร์เริ่มแรก นักวิจัยแจ้งว่าจะศึกษาความเป็นไปได้ที่จะ ประเมินค่าจากครอบครัวชาวโคลัมเบียนไปยังกลุ่มอื่นผู้ซึ่งมีสัญาณของพัฒนาเกิดความผิดปกติของสมองและจิตใจในวัยกลางคน
การศึกษาใช้เงิน ๑๐๐ ล้านเหรียญสหรัฐ ที่ได้จากบริษํทยา Genentechและผู้มีจิตศรัทธากุศลและ NIH(National Institutes of Health) และเมื่อยาประสพผลสำเร็จ มันก็ไม่ได้รับประกันว่า ผลนี้จะไปใช้ได้กับผู้ป่วยคนไข้อัลไซเมอร์ที่เริ่มกับคนอายุยังน้อย เพียงแต่นักวิจัยเห็นว่าการทดลองจะสร้างรูปแบบรักษาป้องกัน อัล”ซเมอร์เหมือนอย่างการป้องกัน คลอเรสเตอรรอล และความดันสูงในโรคหลอดเลือดหัวใจ (Cardio intermediate signpost)
ข้อมูลที่พยากรณ์เก็บรวมรวบนี้ มีความหมายต่อการที่เราต้องนั่งรอเป็นปีๆ เพื่อสังเกตุดูการทดลองยาที่ช่วยกับผู้ป่วยที่เป็นแล้ว นักวิจัยสามารถเปิดวาวล์เร่งผลงานอย่างรวดเร็วโดยสังเกตุ จากการเพื้ยนไปทางชีวภาพอย่างละเอียด อย่างเช่นขนาดสมองที่เล็กลงหรือเปลืยนแปลงในการสะสม tau amyloid
“ เราจำเป็นต้องพัฒาเส้นทางให้เร็วที่จะทดสอบช่วงการรักษาที่ให้คำมั่นเชื่อถือได้และหาวิธีใดๆที่ได้ผลเท่าที่เป็นไปได้” ไรเมนกล่าว
----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
* โพซิตรอนอีมิสชันโทโมกราฟี (อังกฤษ: Positron emission tomography; PET) หรือ การตรวจเอกซ์เรย์ด้วยโพสิตรอน[1] เป็นเทคนิคทางการแพทย์นิวเคลียร์ที่ช่วยสร้างภาพทางการแพทย์ (medical imaging) ซึ่งแสดงผลเป็นภาพสามมิติและให้ข้อมูลเกี่ยวกับกระบวนการชีวเคมีของร่างกายหรือเมตาบอลิซึม (metabolism) ที่เฉพาะเจาะจง (metabolic information) เพื่อใช้วิเคราะห์ความผิดปกติต่างๆ ของร่างกาย และติดตามความก้าวหน้าของการรักษาทางการแพทย์ (therapy monitoring) นอกจากนี้ยังสามารถใช้เทคนิคนี้ในการช่วยศึกษาและติดตามกระบวนการชีวเคมีที่เฉพาะเจาะจงได้อีกด้วย
อ้างอิงจาก...
Early Treatment for Alzheimer’s จาก วารสาร Scientific American ฉบับ December 2012
The Merck Manual of Health&Aging
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น