จำนวนการดูหน้าเว็บรวม

วันพฤหัสบดีที่ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2556

บทย่อ ของหนอนบำบัด




หนอนบำบัด,ยาสมัยยุคกลางมาเป็นยาสมัยใหม่

                      หนอนบำบัด คือการนำตัวอ่อนของแมลงวันหัวเขียว(Maggot)มาทำความสะอาดบาดแผล ป้องกันการติดเชื้อโรคและช่วยการสมานแผล ในสมัยโบราณ ชาวอินเดียนแดงเผ่ามายา ในทวีปอเมริกา ชาวเผ่าอะบอริจิน ชาวพื้นเมืองในทวีปออสเตรเลียและพวกชาวโรมันนักค้าทาสได้เคยใช้วิธีนี้มาแล้วทั้งนั้น ความรู้ดังกล่าวได้ถูกถ่ายทอดจากรุ่นสู่รุ่น กล่าวกันว่าหัวหน้าแพทย์ประจำพระองค์พระเจ้านักโปเลียนมหาราช ได้ใช้หนอนแมลงวันมาทำการรักษาทหารที่บาดเจ็บในระหว่างสงคราม และในระหว่างสงครามโลกครั้งที่1จนถึงสงครามโลกครั้งที่2ต่อมาได้ค้นพบยาปฏิชีวนะกลุ่มซัลฟา sulfa และเพนนิซิลินpenicillin การรักษาด้วยหนอนบำบัดจึงลดความนิยมลงและหายไปในที่สุด ต่อมาปัจจุบัน(ภายหลัง) เชื้อโรคได้ดื้อต่อยาปฏิชีวนะมากขึ้น รวมทั้งได้มีการวิจัยและเปิดเผยจากแพทย์ นักวิทยาศาสตร์ ถึงการนำหนอนแมลงวัน มาใช้รักษาบาดแผลได้ดีในผู้ป่วยที่มีแผลกดทับ แผลผู้ป่วยเบาหวาน แผลไฟไหม้น้ำร้อนลวก แผลหนองจากกระดูกอักเสบที่มีการติดเชื้อแผลหลังผ่าตัด วงการแพทย์ปัจจุบันจึงหันกลับมายอมรับการรักษาด้วยวิธีนี้ ในปี คศ.2004  FDA สหรัฐอเมริกาประกาศยอมรับให้แพทย์สั่งใช้วิธีนี้รักษาได้กับผู้ป่วย ปัจจุบันมีผู้ผลิตจำหน่ายอยู่หลายรายโดยผลิตจำหน่ายในรูปแบบที่นำไข่หนอนที่สอาดปราศจากเชื้อมาบรรจุในถุงคล้ายถุงชาชงเพื่อป้องกันมิให้ตัวหนอนทีเจริญเติบโตกลายเป็นแมลงวัน เวลาใช้ก็นำไปวางบนบาดแผล

ภาพจาก  www.ibtimescom
                                                                   
                                                                                                                  ภาพจาก   www.axsoris.com                       



  สำหรับกลไกรักษาหนอนบำบัดมี 3 ขั้นตอน คือ

1. การขจัดเนื้อเยื่อที่ตายและที่ติดเชื้อออกจากบริเวณที่เกิดแผล(Debridement)

2. ทำการสมานแผล (Healing) โดยตัวอ่อนหนอนจะปล่อยสารที่มีคุณสมบัติเร่งการเจริญเติบโตของเนื้อเยื่อทดแทนให้เร็วขึ้น ออกมา สารที่ปล่อยออกมานี้จะลดปริมานโปรตีนบางชนิดที่เป็นอุปสรรคต่อการสมานแผลอีกทั้งเพิ่มปริมาณอ๊อกซิเจนในเนื้อเยื่อ รวมทั้งลดสารที่ก่อภูมิต้านทานที่ทำให้แผลบวม

3. การฆ่าทำลายเชื้อโรค (Antiseptic) หนอนจะปล่อยสารที่มีสภาพเป็นด่าง และมีคุณสมบัติต้านการเจริญเติบโตของเชื้อแบคทีเรีย

อย่างไรก็ดีหากจะนำหนอนบำบัดมาใช้ นักวิจัยได้แนะนำว่า ควรใช้หนอนที่มีสายพันธุ์บางชนิดที่กำหนดแนะนำเอาไว้ ทั้งนี้หนอนบางชนิดตัวเล็กเกินไปไม่เหมาะสม บางชนิดไข่กลายเป็นตัวได้ยาก

ที่มา อ้างอิง

--หนอนบำบัด: บทบาทที่สำคัญที่สุดอีกบทบาทหนึ่งของแมลงวันหัวเขียว ..วารสารนิติเวชศาสตร์ปีที5ฉบับที่1 มค.-เมย.2556

--Medieval and Modern วารสารScientific American April, 2013

-- หนอนบำบัด สำนักการแพทย์ทางเลือก www.thaicam.go.th

       

ไม่มีความคิดเห็น: