จำนวนการดูหน้าเว็บรวม

วันเสาร์ที่ 17 สิงหาคม พ.ศ. 2556

การดื้อยาต้านจุลซีพ









                  การดื้อยาต้านจุลซืพหรือยาปฏิชีวนะคือการที่เชื้อโรค เชื้อจุลชีพไม่ตอบสนองต่อยาฆ่าเชื้อที่เราเรียกกันว่า ยาต้านจุลชีพหรือยาปฏิชีวนะ ทำให้ยานั้นใช้ไม่ได้ผลในการรักษาโรค อาการ ติดเชื้อ
                 จากการเปิดเผยของกระทรวงสาธารณสุข ปัจจุบัน(พศ.๒๕๕๖)ประเทศไทยพบปัญหาการดื้อยาของเชื้อจุลซีพที่ทำให้เกิดโรคมีแนวโน้มสูงขึ้นเรื่อยๆ สาเหตุมาจากการใช้ยาต้านจุลชีพที่มากขึ้น มีการใช้อย่างพร่ำเพรื่อโดยไม่จำเป็นและยังเกินความจำเป็นเกินขนาดของการรักษา โดยมีมูลค่าการใช้ยาปฏิชีวนะของคนไทยมากกว่า ๑๐,๐๐๐ล้านบาทต่อปี และมีการติดเชื้อที่ดื้อยาปฏิชีวนะปีละกว่า๑๐,๐๐๐คน ทำให้ยาปฏิชีวนะตัวเก่าที่เคยใช้ไม่ได้ผล  ผู้ป่วยบางรายต้องเปลื่ยนใช้ยาตัวใหม่ซึ่งมีราคาแพงมาก เชื้อดื้อยาบางชนิดไม่มียารักษาที่มีประสิทธิผลดีและปลอดภัย ทำให้มีค่าใช้จ่ายในการรักษาเพิ่มขึ้น ใช้เวลานานมากขึ้นและโอกาสเสียชีวิตสูงขึ้นเรื่อยๆ และหากเชื้อโรคนี้แพร่ต่อไปเกิดการระบาดในชุมชน ทำให้โรคติดต่อที่เคยควบคุมได้กลับมาระบาดมากขึ้น เชื้อที่ดิ้อยาสามารถถ่ายทอดรหัสพันธุกรรมดื้อยาไปสู่เชื้อสายพันธุ์อื่น ทำให้ปัญหาการดื้อยาทวีความรุนแรงยิ่งขึ้น ในประเทศไทยมีรายงานการวิจัยจากกระทรวงสาธารณสุขว่า ในปี พ.ศ.๒๕๕๓ พบว่ามีเชื้อจุลชีพ ๕ ชนิดที่พบได้บ่อยในโรงพยาบาลมักดือยาปฏิชีวนะ อันได้แก่
๑.เอสเชอริเชีย โคไลหรือ อี. โคไล( Escherichia coli )ป็นตัวทำให้เกิดโรคติดเชื้อในทางเดินปัสสาวะและทางอาหาร
๒.เคลบซีลลา นิวโมเนอี( Klebsiella pneumonia )ทำให้เกิดโรคระบบทางเดินหายใจโรคปอดอักเสบ  
๓.เชื้ออะซีนีโตแบคเตอร์ บอแมนนิอาย( Acinetobactor baumannii )เป็นโรคติดเชื้อระบบทางเดินหายใจ เช่น โรคปอดบวม
๔.ซูโดโมแนส แอรูจิโนซา( Pseudomonas aeruginosa )ทำให้เกิดโรคติดเชื้อหลายระบบของร่างกาย เช่น โรคปอดบวม ติดเชื้อในกระแสเลือด
๕ สแตปฟิโลคอคคัส ออเรียส( Staphylococcus aureus )ที่ดื้อต่อยาเมทิซิลินทำให้ผู้ป่วยต้องนอนโรงพยาบาลนานขึ้นและเสียชีวิต
การดื้อยาต้านจุลชีพเกิดขึ้นได้อย่างไร
                ก่อนที่เราจะทราบว่า เชื้อแบคที่เรียมีวิธีการปรับตัวให้ดื้อต่อยาต้านจุลชีพได้อย่างไร ขอทำความเข้าใจให้รู้ถึงกลไกออกฤทธิ์ของยาต้านจุลชีพหรือยาปฏิชีวนะกันเสียก่อน สำหรับกลไกการออกฤทธิ์ยาต้านจุลชีพมีอยู่ด้วยกัน ๔-๕ วิธีดังนี้
๑.     รบกวนการสร้างผนังเซลของเชื้อโรค ยากลุ่มนี้ได้แก่พวก บีต้าเลคแตม เช่น เพนนนิซิลิน(penillins) ,เซฟฟาโลสปอริน(cephalosporins),โมโนแบคแตม(monobactams) และพวกไกโคเซพไทด(Glycoceptides) ได้แก่พวกแวนโคไมซิน(vancomycin)
๒.     ยับยั้งการสร้างสังเคราะห์โปรตีน    พวกนี้ได้แก่ยา   คลอแรมแฟรนนิคอล( chloramphenical),คลินดาไมซิน(clindamycin),เตตราไซคลิน(tetracyclin)และแอมมินิไกโคไซด์ (aminoglycosides)
๓.     ขัดขวางการสังเคราะห์สร้าง นิวคลีอิก แอซิก(nucleic acid)โดยรบกวนการสร้างDNA ได้แก่ยา fluoroquindones,และรบกวนการสร้าง RNA ได้แก่ rifampin
๔.     ยับยั้งขบวนการเส้นทางขบวนการสันดาปของเชื้อโรค ได้แก่ ซะหรลโฟนาไมด์sulfonamides    โฟลิดแอซิกfolic acid
๕.     ขัดขวางโครงสร้างเยื่อหุ้มเซล (cell membrane)ของเชื้อโรคได้แก่ยา โพลีมัยซินpolymyxin และ daptomycin
การที่เชื้อจะดื้อต่อยาก็โดยอาศัยวิธีการต่างๆ ซึ่งอาจแบ่งได้เป็น ๕ ขบวนการคือ
๑.ลดหรือจำกัดการที่ยาผ่านเข้าตัวเชื้อโรคลง Decreased cell permeability
๒.เร่งปั้มตัวยาที่ผ่านเข้ามาได้นั้นออกจากตัวเชื้อโรคให้มาก Active efflux
๓.ขัดขวางหรือไปทำให้เอ็นไซมที่ทำให้ยาออกฤทธิ์ไม่ทำงาน Enzymatic Inactivation of the  Antbiotic
๔.เปลื่ยนเป้าหมาย โดยดัดแปลงด้านตัวจับของยา Modification of drug receptor site
๕.สร้างขบวนการต่อต้านการสันดาปของเชื้อโรคSynthesis of resistant metabolic pathway

             ทั้งนี้เชื้อโรคจะใช้ขบวนการหรือวิธีการข้างต้นวิธีใดวิธีหนึ่งหรือหลายวิธีร่วมกันได้ก็เนื่องมาจากเชื้อโรคบางตัวมีการปรับตัวและกลายพันธุ์(Selection and Mutation) จากนั้นก็มีการถ่ายทอดพันธุกรรมที่มีคุณสมบัติดื้อต่อยานี้ไปให้กับเชื้อตัวอื่นๆหรือกับลูกหลานต่อๆกันมา
             สาเหตุที่เชื้อปรับตัวได้และหรือกายพันธุ์ได้นั้นมันเป็นขบวนการทางธรรมชาติอยู่แล้วหากแต่ว่า การที่เราใช้ยาอย่างไม่สมเหตุผล ใช้ยาไม่ถูกชนิด ไม่ถูกขนาดการรักษา ใช้ไม่ครบจำนวนและระยะเวลาที่แพทย์สั่งใช้ เหล่านี้เป็นตัวเร่งให้เกิดการดื้อยา ฉนั้นกระทรวงสาธารณสุขได้มีนโยบายให้โรงพยาบาลหน่วยบริการของรัฐทุกแห่งให้ใช้ยาต้านจุลชีพ ยาปฏิชีวนะอย่างสมเหตุสมผลโดยให้จัดหายาเท่าที่จำเป็นไว้ใช้ มีระบบกำกับดูแลและดำเนินการเฝ้าระวังควบคุมการติดเชื้อในโรงพยาบาลอย่างเข้มข้นมีประสิทธิภาพรวมถึง พัฒนาศักยภาพของการตรวจทางห้องปฎิบัติการจุลชีวิทยาและระบบเฝ้าระวังความไวของเชื้อ่อยาต้านจุลชพให้ได้มาตราฐาน ในส่วนของประชาชนผู้บริโภคเอง สมควรให้ได้รับการศึกษาทำความเข้าใจต่อเรื่องดังกล่าวนี้ และปฏิบัติตนให้ถูกต้องในการใช้ยาต้านจุลชีพกล่าวคือ ไม่ควรซื้อยากินเอง ใช้ยาตามแพทย์เภสัชกรสั่งแนะนำ รับประทานยาให้ครบแม้อาการจะดีขึ้นแล้วก็ตาม
และกรณีเจ็บป่วยบางครั้งก็ไม่จำเป็นต้องรับประทานยา เช่นไข้หวัดทั่วๆไป หันมาใช้วีธีผักผ่อน ออกกำลัง รักษาสุขภาพ รับประทานอาหารถูกหลักอนามัยจะเป็นการดีกว่า
-----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
อ้างอิง
1.      Mechanisms of Antimicrobial Resistance in Bacteria
…The American Journal of Medicine(2006)vol 119(6A),s3-s10
2.      Physioical and Biochemical Mechanisms of Drug Resistance
University of Maryland
3.      ไทยรัฐออนไลน์ โดยทีมข่าวการศึกษา ๒๕ มีนาคม ๒๕๕๖
   





โปรดดุภาพเคลื่อนไหวจาก  www.fda.gov/Animal Veterinary/safety Health/

ไม่มีความคิดเห็น: