โรคข้ออักเสบรูมาตอยด์เกิดขึ้นได้อย่างไร
สาเหตุการเกิดโรคข้ออักเสบรูมาตอยด์ยังไม่เป็นที่ทราบแน่ชัด
แต่จากการศึกษาพบว่ามีปัจจัยหลายประการที่ส่วนเกี่ยวข้องกับการเกิดโรค ได้แก่
ปัจจัยทางพันธุกรรม การติดเชื้อบางอย่าง ความผิดปกติของฮอร์โมนเพศ
และบทบาททางระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย
โดยเชื่อว่าผู้ที่จะเป็นโรคข้ออักเสบรูมาตอยด์จะมีปัจจัยทางพันธุกรรมที่เอื้อต่อการเกิดโรค
และถูกกระตุ้นด้วยปัจจัยอื่นๆ ภายในสภาพแวดล้อมที่เหมาะสมจึงจะก่อให้เกิดโรคได้
อาการ อาจเริ่มอย่างเฉียบพลัน เป็นกับหลายๆข้อต่อ อักเสบในเ วลาเดียวกันเมื่อบ่อยครั้งที่มันเริ่มโดยไม่รู้ตัวเกิดกับข้อในอวัยวะต่างๆกัน
โดยปกติการอักเสบจะอยู่ในรูปแบบของสมมาตร
เมื่อข้อต่อข้างหนี่งด้านหนึ่งของร่างกายเกิดอักเสบ อีกข้างหนึ่งจะอักเสบกระทบด้วยและจะเริ่มจากข้อต่อเล็กๆก่อน
เช่น นิ้วมือ นิ้วหัวแม่เท้า มือ เท้า ข้อมือ ข้อศอกและหัวเข่า
จะเริ่มอักเสบก่อนอื่น ข้อต่อที่อักเสบจะมีอาการปวดสม่ำเสมอมและแข็งทื่อโดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อตอนตื่นนอนหรือปล่อยทิ้งไว้โดยมิได้บริหารหรือใช้ข้อต่อนั้นเป็นเวลานาน
ผู้ป่วยบางรายจะรู้สึกเหนื่อยและอ่อนแอเมื่อตอนช่วงเวลาบ่ายต้นๆ
ข้อต่อที่อักเสบรูมาติกนี้จะขยายใหญ่และเปลื่ยนรูปร่าง หงิกงอในแบบใดแบบหนึ่งเกร็งห่อตัวกล้ามเนื้อเป็นอัมพาตไม่สามารถยืดหรืออ้าออกเต็มที่
นิ้วมือของแต่ละข้างจะเกยไปทางนิ้วก้อย ทำให้เอ็นของนิ้วไหลเลื่อนออกนอกที่
การพองบวมข้อมือเกิดโพรง
หัวเข่าอาจมีถุงน้ำและอาจแตกออกเกิดการปวดบวมที่ขาช่วงล่าง ประมาณร้อยละ ๓๐-๔๐
ของผู้ที่ป่วยข้ออักเสบรูมาติกมีโหนกนูนใต้ผิวหนัง
ข้ออักเสบรูมาติกอาจทำให้มีไข้ต่ำ บางครั้งหลอดเลือดอักเสบ ทำลายเส้นประสาท
มีแผลที่ขา มีการอักเสบที่เนื้อเยื่อรอบปอดหรือถุงรอบๆหัวใจ
นำมาซึ่งการปวดหน้าอกหายใจลำบากการทำงานของหัวใจผิดปกติ
บางคนต่อมน้ำเหลืองบวมหรือตาบวมอักเสบ เกิด
still’s disease
การวินิจฉัย การแยกแยะโรคข้ออักเสบรูมาติกที่มีลักษณะเงื่อนไขอาการที่ต่างจากโรคข้ออักเสบอื่นๆนั้นค่อนข้างยาก
จึงอาศัยการตรวจวินิจฉัยทางห้องทดลองนำของเหลวจากข้อมาตรวจหรือผ่าตัดเนื้อเยื่อมาส่องกล้องจุลทรรศ
และอาจเอ็กซเรย์ดูลักษณะเปลื่ยนแปลง ผู้ป่วยข้ออักเสบรูมาติกหลายรายมีสารภูมิต้านทานปรากฏในเลือดที่เรียกว่า รูมาตอยด์แฟ๊กเตอร์
ยิ่งมีสารภูมิต้านทานมากเท่าใดอาการของโรคข้ออักเสบรูมาติกกำเริบรุนแรงมากขึ้นและจะลดลงเมื่ออักเสบน้อยลง
การรักษา เริ่มจากขั้นง่าย conservative measures อย่างพักผ่อนให้เพียงพอ
รับอาหารและยา จนถึงการผ่าตัด
พื้นฐานการรักษาคือการให้ข้อที่อักเสบหยุดพักไม่ใช้งานมัน
จะช่วยบรรเทาอาการปวดได้
การดามเข้าเฝือกช่วยลดการเคลื่อนของข้อแต่บางครั้งหากได้ขยับเคลื่อนไหวก็จำเป็นป้องกันต่อการแข็งทื่อของข้อ
การเลือกรับประทานอาหารหรืองดเว้นอาหารบางชนิดเป็นส่วนหนึ่งของการรักษา
อาหารพวกปลา น้ำมันพืช และไม่ใช่พวกเนื้อแดง ช่วยลดการอักเสบได้บ้าง
ยาประเภทที่ใช้รักษา
ได้แก่
กลุ่มยาที่ไม่ใช่สเตียร์ลอย,กลุ่มยาคอร์ติโคสเตียร์ลอยที่ออกฤทธิ์ช้า,และพวกกดสารภูมิคุ้มกัน,
โดยทั่วไปแล้วยาที่มีฤทธิ์แรงๆจะมีอาการข้างเคียงสูงด้วย
จำเป็นต้องระวังติดตามอาการ
กลุ่มยาที่ไม่ใช่สเตียร์ลอย ได้แก่พวกแอสไพริน ไอบูโพเฟน เป็นยาที่ใช้กันมากที่สุด
มันลดอาการบวมและปวดของข้อได้ แอสไพรินเริ่มด้วยขนาดใช้ สองเม็ด( เม็ดละ ๓๒๕ mg.)สามเวลาหลังอาหาร
อาจเพิ่มขนาดขึ้นถ้าจำเป็น ผลข้างเคียงของยาตัวนี้
คือหูอื้อมีเสียงคล้างเสียงระฆ้งในหู และเลือดออกในกระเพาะเมื่อใช้มาก
ควรรัปประทานอาหารหรือยาลดกรด ไอบูโพเฟนก็.....สำหรับ สำหรับ Mesoprotol..
กลุ่มยาที่ออกฤทธิ์ช้า
จะใช้เมื่อพบว่า ยาที่ไม่ใช่สเตียร์ลอยใช้มาแล้ว สอง-สามเดือนไม่ได้ผล หรือผู้ป่วยบางรายอาการกำเริบมาก
ยาพวกนี้ได้แก่สารประกอบของธาตุทองคำ,เพนนิซิลาไมน์ penicillamine ,ไฮดร็อกซีคลอโรควิน (hydroxychloroquine) ,และ ซัลฟาซาลาซีน sulfasalazine
สารประกอบของธาตุทองคำ,มีผลข้างเคียงต่ออวัยวะหลายส่วนจะไม่ใช้กับผู้ป่วยที่มีโรคของตับ
ไตหรือโลหิต อาการข้างเคียงที่เกิดคือ ผื่นคัน เม็ดเลือดลดลง
ท้องเสีย
อาจใช้ยาเพนนิซิลาไมน์ (penicillamine)เมื่อสารประกอบของธาตุทองคำใช้ไม่ได้ผลแต่มันก็กดการสร้างเม็ดเลือดแดงและอาจเป็นสาเหตุของ
myasthenia gravis ควรตรวจเลือดและปัสสาวะทุกสองถึงสี่สัปดาห์ระหว่างรักษา ยาไฮดร็อกซีคลอโรควิน(hydroxychloroquine)นิยมใช้มากกว่าสารประกอบของธาตุทองคำหรือยาเพนนิซิลาไมน์ในการรักษาที่อาการรุนแรงน้อยกว่า
ยานี้เกิดอาการข้างเคียงคือปวดกล้ามเนื้อ ผื่นคัน ปัญหาทางนัยตา
ควรตรวจเช็ดเสมอที่ใช้ยานี้นานๆ ยาซัลฟาซาลาซีน sulfasalazine เกิดอาการไม่พึงประสงค์ กระเพาะอาหารแปรปวน ตับมีปัญหาและผื่นคัน
กลุ่มยา
คอร์ติโคสเตียร์ลอย์ด corticosteroids อย่างเพร็ดนิโซโลน
ออกฤทธิ์แรงสุดลดอาการอักเสบทุกแห่งในร่างกาย เนื่องว่ายากลุ่มนี้จะออกฤทธิ์สั้นแต่อาการข้ออักเสบรูมาติกนานเป็นปีมันจึงดูเหมือนว่าไม่หยุดหรือชลออาการกำเริบของโรค
และถ้าใช้ยากลุ่มนี้นานๆเกิดผลข้างเคียง ได้แก่ ผิวหนังบาง กระดูกพรุน ความดันสูง
ยากลุ่มนี้เหมาะสำหับการอักเสบหลายๆข้อต่อ หรือเมื่อใช้ยาอื่นไม่ได้ผล
กลุ่มยากดระบบภูมิคุ้มกัน
ได้แก่ methotrexate,azathioprine และ
cyclophosphamide
ยากลุ่มนี้ใช้ในรายที่มีอาการหนัก
แต่ก็ให้ผลข้างเคียงทีส่งผลถึงตายได้ คือ โรคตับ ปอดอักเสบติดเชื้อง่าย กดการสร้างเม็ดเลือดแดงในไขกระดูก
สำหรับ azathioprine และ cyclophosphamide อาจเพิ่มความเสี่ยงนการเกิดมะเร็ง
การรักษาอย่างอื่น ได้แก่การออกกำลังข้อนั้น การบำบัดทางสรีระ
การประคบด้วยความร้อนตรงข้อ ตลอดไปถึงการผ่าตัดอาจเปลื่อนข้อเข่า ข้อสะโพก
และผ่าตัดอื่นๆ
อ้างอิง
The Merck
Manual of Medical information(Home Edition)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น