ทำไมเยอร์มันนียังคงสร้างสรร
แปลจาก Why Germany still makes thing by
Stefan Theil
Scientific American , October 2012
นาย Felix Michl และนาย Philipp
stahl ร่วมกันสร้างหุ่นยนต์สามแขนกล อยู่ในห้องปฎิบัติการของมหาวิทยาลัยเทคนิดแห่งมิวนิค
( TUM =Technical University of
Munich ) หุ่นยนต์นี้สามารถหยิบเก็บชิ้นคาร์บอนไฟเบอร์เล็กๆได้ มันบางขนาดเล็กกว่าเศษหนึ่งส่วนมิลลิเมตร์แต่มีจำนวน
24,000 เส้นบรรจุอยู่ และมันยังสามารถประกอบกันเป็นรูปสามเหลี่ยมได้ด้วย งานที่ชาญฉลาดและยากนี้
ผู้เชี่ยวชาญทั้งหลายกล่าวกันว่า
มันอยู่ที่การเขียนซอฟแวร์คำสั่งทั้งหมดให้สามารถเปลี่ยนรูปทรงสิ่งของมาเป็น
กราฟฟิกสามมิติทางคอมพิวเตอร์ อย่างเช่น อานรถจักรยานสองล้อ แต่มันยังสามารถเปลื่ยนอุปกรณ์การแพทย์หรือส่วนประกอบของรถยนต์
ถูกเปลี่ยนเป็นคำสั่งให้กับการเคลื่อนไหวที่ซับซ้อนของหุ่นยนต์นี้ทั้งตำแหน่งที่แม่นยำโดยไฟเบอร์ที่แข็งแรงและทนทานมากสุด
เมื่อโครงการนี้จบสมบรูณ์ มิชล(Michl)จะนำมันเป็นวิทยานิพนธ์ประกอบการทำดอกเตอร์และนาย สทอฮ(Stahl)ใช้เพื่อผ่านมหาวิทยาลัย
แต่ว่างานและผลงานของเขายังมีชีวิตที่สองต่อในโรงงานของเยอรมันนี ภายใน 700,000 ตารางฟุตของโรงงานผลิตที่ปราณีต
บี เอ็ม ดับบิลล์(BMW) ตั้งอยู่ 30 ไมล์ไปตามถนนใกล้เมืองแลนด์ชุท(Landshut)เป็นสถานที่บรรดาวิศวกรทั้งหลายพากันคิดผลิตรถยนต์ในยุคใหม่
ในขณะนั้น
ณ.เมืองแลนด์ชุท วิศวกรทั้งหลายมุ่งพัฒนารถยนตร์ BMW i3อยู่มันจะเป็นรถยนต์รุ่นแรกของโลกที่สนองต่อตลาดผู้คนส่วนมาก
เป็นรถยนตร์ไฟฟ้าทำจากอุปกรณ์น้ำหนักเบาโดยคาดว่าจะออกตัวได้ในปี คศ.2013 ฝ่ายผลิตรถยนต์นั่งโดยสารของบริษัทกำลังสร้างขึ้นรูปผสมที่ไม่มีคารบอนด์ทั้งหมด
นักวิจัย นักศึกษาอย่างมิชล(Michl)และสทอฮ(Stahl)
ช่วยกันพัฒนาอยู่ในห้องปฎิบัติการในมิวนิค
หัวใจสำคัญของนวตกรรมชิ้นนี้คือ
เทคโนโลยีใหม่ที่ลดเวลาการผลิตของส่วนประกอบที่ซับซ้อน เช่น โครงด้านข้างรถให้เหลือเพียง
สองนาที
การผนึกเทคโนโลยี่ชั้นสูงนี้เป็นไปได้กับการผลิตเพื่อมวลชนคนส่วนใหญ่แล้วเป็นครั้งแรก
เครื่องปั้มอัดขนาดยักษ์สามเครื่อง แต่ละเครื่องหนัก 320 เมตตริกตันอัดเรซินเข้าไปในส่วนของคารบอนด์ไฟเบอร์สร้างความเหนียวให้มัน บี เอ็ม ดับบิลล์(BMW)กล่าวว่า
บริษัทเป็นผู้นำในเทคโนโลยีเหนือกว่าคู่แข่งอย่าง โตโยต้า หรือ
เจนเนอรรัลมอเตอร์ “ องค์ความรู้ที่เรานำมารวมทุกองค์ประกอบ
ไม่ใช่อะไรที่คู่แขงสามารถลอกเลียนแบบได้ง่ายๆ
” นายแอนเดรีย เรนฮารด์ (Andres Reinhardt) ผู้จัดการโครงการบริษัท บี เอ็ม ดับบิลล์(BMW) กล่าว
นั้นอาจจะ
สายการผลิตนวตกรรมใหม่ที่วิ่งจากการวิจัยของมหาวิทยาลัยและห้องปฏิบัติการของรัฐบาลมาสู่ผู้ผลิตอุตสาหกรรม
เช่น บี เอ็ม ดับบิลล์(BMW)หนึ่งในแรงขับเคลื่อนลับ
ที่ผลักดันเศรษฐกิจของเยอร์มันให้เจริญก้าวหน้าจากที่ถูกดูแคลนมานานช้าเหมือนเหล็กที่ค่อยๆโน้มโค้งลงต่ำ อุตสาหกรรมผลิตของเยอรมันผจญล่องลอยวิกฤตเศรษฐกิจด้วยผลกำไรและค่าจ้างที่ขึ้นๆลงๆแกว่งไปมา
แม้นว่าค่าจ้างคนงานบริษัทได้รับสูงสุดในโลกเป็นสิบเท่าของคนงานจีนคู่แข่ง
แต่สินค้าส่งออกของเยอรมันนีครองส่วนแบ่งในตลาดโลกที่แข่งขันกับจีนและประเทศอื่นๆแม้แต่ส่วนแบ่งการตลาดของสหรัฐก็ยังดิ่งลง การว่าจ้างภาคอุตสาหกรรมได้กระเตื้องขึ้นเป็นเหตุผลหนึ่ง ข้อมูลอ้างอิงจาก Organization for Economic
Co-operation and Developmentเมื่อเดือน พฤษภาคม เยอรมันนีมีอัตราว่างงานอยู่ที่ ร้อยละ 5.6 เปรียบเทียบอเมริกาอยู่ที่ร้อยละ
8.2 ภาคอุตสาหกรรมเยอรมันจึงสามารถอยู่ในภาวะแข่งขันได้ทั่วโลกทั้งนี้เพราะมีสินค้าอย่าง
รถยนตร์ BMW i3 ที่เต็มไปด้วย
วิทยาศาสตร์และศิลปะ
ปัจจัยหลักอันหนึ่งที่ทำให้เยอร์มันประสพความสำเร็จคือการบริหารจัดการนำการวิจัยพัฒนาและนักวิทยาศาสตร์ในบ้านของตนพลักดันให้สูงขึ้นให้มุ่งเน้นกับผลิตภัณฑ์ที่เป็นนวตกรรมใหม่มีขบวนการที่ไม่สามารถลอกเลียนแบบได้ง่ายที่จะถูกแทรกแซงโดยค่าแรงงานต่ำ อุตสาหกรรมสิ่งทอเป็นกรณีศึกษา
เยอร์มันนีก็เหมือนอเมริกา นานมาแล้วได้สูญเสียการผลิตผ้าใยผ้าให้กับผู้ผลิตทีมีต้นทุนถูกกว่า
เช่น จีน อินเดียและตรุกี
ปัจจุบันอุตสาหกรรมเยอร์มันยังคงรักษาส่วนแบ่งตลาดโลกสำหรับเครื่องจักสิ่งทอที่ซับซ้อน บรรดาการถักทอที่ใช้การลงทุนเทไปกับประเทศที่มีค่าแรงการผลิตต่ำ ขณะที่นักอุตสาหกรรมสิ่งทอเยอรมันนีรุ่นเดิมหันไปสู่อุตสาหกรรมไฮเทดเปลี่ยนเป็นรถยนตร์และอากาศยนต์ ปัจจุบันอุตสาหกรรมสิ่งทอของเยอร์มันนีอยู่ในแถวหน้าของการผสมผสานร่วมกันระหว่างมหาวิทยาลัยและศูนย์เทคโนโลยีของรัฐพัฒนาเครื่องจักรกลที่สลับซับซ้อนปราณีตถักทอเส้นใยคาร์บอนด์ให้เป็นเกลียวเชือกซึ่งไม่เหมือนกับขนแกะและฝ้ายยกเว้นในระดับสเกลขนาดจุลทรรศน์ หากเยอร์มันนีได้ล้มเลิกอุตสาหกรรมประเภทนี้มันจะขาดพื้นฐานการผลิตที่พัฒนาเป็นการผลิตขึ้นรูปผสมรุ่นต่อไปที่
มหาวิทยาลัยเทคนิดแห่งมิวนิคและห้องปฎิบัติการอื่นๆ
กุญแจสำหรับการวิจัยนี้ออกมาจากห้องปฎิบัติการและนำไปสู่ตลาดก็คือการได้พันธมิตรอย่างใกล้ชิดระหว่างทีมวิจัยมหาวิทยาลัยและฐานอุตสาหกรรมไฮเทด
นักอุตสาหกรรมส่วนใหญ่มีงบประมาณสำหรับการวิจัยจำนวนมากซึ่งหลายครั้งใช้ในการซื้อการวิจัยมาจากผู้อื่นไม่เหมือนองค์กรของอเมริกาหลายแห่งอาจตั้งกองทุนให้บริจาดเพื่อมหาวิทยาลัย
บริษัทของเยอร์มันปกติจะเข้าหามหาวิทยาลัยก็ต่อเมือพบปัญหาเป็นกรณีพิเศษที่เขาต้องการแก้ไข
ณ.ที่ มหาวิทยาลัยเทคนิดแห่งมิวนิคมีตัวอย่างเช่น ฝ่ายขึ้นรูปผสม ได้รับทุนจากSGL Carbon,ผู้ผลิตคาร์บอนด์ไฟเบอร์รายหนึ่งของเยอร์มันนี
ต้องการรู้ว่ามีวัสดุชนิดไหนที่เหมาะสำหรับขบวนการผลิตในยุดหน้า บี เอ็ม ดับบิลล์ BMW มีนักศึกษาทำปริญญาเอกในฝ่ายถึง
12ฝ่าย เป็นนักศึกษาที่ถูกจ้างไว้และโครงการ
วิทยานิพนธ์ของพวกเขาก็เป็นส่วนของการเตรียการผลิต BMW i3 ด้วยเครื่องมือเครื่องจักรการผลิต อย่างเช่น หุ่นยนต์ KUKA และแท่นอัดประกอบ Manz แสดงถึงการผสมผสานอย่างลึกซึ่งกับทีมวิจัยมหาวิทยาลัย
เช่นกัน
เครือข่ายได้ขยายทวีคูณด้วยผู้ชำนาญการทางเทคนิคและวิศวกรของ
มหาวิทยาลัยจำนวนมาก ที่RWTH Aachen สถาบันมหาวิทยาลัยมากกว่า20แห่ง มุ่งเน้นไปยังเทคนิคการผลิตอย่างมีศิลปะผนวกไปกับเครื่องจักรการผลิต บริษัทผู้ผลิตหุ่นยนต์และพัฒนาซอฟแวร์เพื่อสร้างขบวนการผลิตที่มีประสิทธิภาพที่ประเทศที่มีค่าจ้างแรงงานสูงอย่างเยอรมันนีสามารถแข่งขันได้กับจีน RWTH
Aachen ขณะนี้สร้างอาณาเขตบริเวณอุตสาหกรรมมูลค่า 2.5 พันล้านเหรียญสหรัฐเพื่อรองรับบรรดาบริษัทที่เป็นพันธมิตรจะมาร่วมค้นคว้าวิจัย
สถาบันเทคโนโลยี่ Karlsruhe ชำนาญในด้านนาโนเทคโนโลยี่และวัสดุศาสตร์ทำงานร่วมกับบริษัทชั้นนำทางเคมีของเยอร์มันนีชื่อ
BASF ออกแบบสารประกอบใหม่ที่ทำให้แบตเตอรรี่เก็บพลังงานใหม่อีกครั้งอย่างมีประสิทธิภาพใช้ต้นทุนต่ำ และมหาวิทยาลัยเทคนิคแห่งเดรสเดน Dresden
นักวิจัยเป็นพันธมิตรร่วมกับผู้ผลิตชิปคอมพิวเตอร์และกับบริษัทเทคโนโลยี่การสื่อสาร กำลังพํฒนาไอซี IC ที่ใช้พลังงานเพียง
1 ใน 100 ของกระแสอีเล็คโทนิค
รัฐบาลเยอร์มันนีก็กำหนดบทบาทอย่างเข็มแข็งให้ตั้งกองทุนสำหรับห้องปฎิบัติการชั้นเลิศในเรื่องการวิจัยศาสตร์พื้นฐานอย่างเช่น Max Planck ระบบเครือข่าย 80
สถาบันของ Max Planck ครอบคลุมอย่างมีระเบียบลงไปถึงสาขาอนุภาคฟิสิกค์และการวิวัฒนาการทางชีววิทยา
สถาบัน Fraunhofer Society เป็นสถาบันวิจัยของเยอร์มันนีที่ประสพความสำเร็จสมบรูณด้วยทรัพยากรที่สุด
มีศูนย์เทคโนโลยี่ 60 แห่งได้รับทุนร่วมจากรัฐบาล
งบประมาณประจำปีมีถึง 2.5 พันล้านดอลลาร์ (
ไม่นับรายได้จากสิทธิบัตรจากการคิดค้นต้นแบบข้อมูล MP3 เมื่อปี ค.ศ. 1980)
ความเชื่อมั่นที่มีเอกลักษณ์ไม่เหมือนใคร
การเป็นพันธมิตรกันอย่างแนบแน่นกับมหาวิทยาลัย
แต่ละศูนย์ของ Fraunhofe ทำหน้าที่คล้ายสายพานส่งต่อไปยังกลุ่มบริษัทเครือข่าย กับศูนย์หนึ่งไปอีกศูนย์หนึ่งโดยการออกแบบร่วมกันวิจัยหาวิธีขบวนการผลิตและผลิตภัณฑ์ จะมีหลายศูนย์สำหรับภาคอุตสาหกรรมต่ละประเภท
อย่างเช่นการวิจัยโพลิเมอร์สำหรับบริษัทเคมี ,
ออฟติกที่ละเอียดสำหรับทำตัวตรวจจับและเลเซอร์
และการวิจัยขนาดนาโนเทคโนโลยี่เพื่อการผลิตส่วนประกอบอีเล็คโทนิกในยุคใหม่
ศูนย์หลายแห่งอย่างสถาบัน
ของ Fraunhofeสำหรับเทคโนโลยีการผลิตในเมือง
Aachen มุ่งไปยังเทคนิคการผลิตที่มีประสิทธิภาพของต้นทุนเพื่อให้เยอร์มันนีแข่งขันได้ก้บจีน
และการวิจัยขึ้นรูปผสม ( Composited )
มีโครงการหนึ่งของ Fraunhofe ที่ Augsburgใกล้มิวนิคเกิดขึ้นมาในยุคของสงครามเย็น
เป็นห้องปฎิบัติการวิจัยพลังขับเคลื่อนจรวด. การเป็นพันธมิตรกับ TUM และบริษัทอื่นมากกว่า 50 แห่งอย่าง BMW Audi
Airbusเจ้าของEADS
ที่ศูนย์ Augsburg กำลังทำงานมุ่งไปยังการขึ้นรูปผสมไฟเบอร์ในยุคใหม่
ที่นำมาจากลิกนิน ไม่ใช้จากปิโตเลียมที่ทำให้เกิดก๊าซคาร์บอนไดอ๊อกไซด์และ
จากของที่เหลือจากการผลิตไม้ กระดาษ
สิ่งที่เป็นตัวเร่งให้เกิดการเปลื่ยนแปลงมาสู่เทคโนโลยี่เหล่านี้
คือ การส่งสริมให้ความหวังในงานแก่นักวิจัยและวิศวกร โดยเฉลี่ยนักวิทยาศาสตร์ของ Fraunhofe จะย้ายไปทำงานในภาคอุตสาหกรรมหลังผ่านงานมาได้
5 ถึง 10 ปี วิศวกรชั้นยอดหลายคนยังคงทำหน้าที่เป็น
ศาสตราจาร์ยหรือไม่ก็ผู้บริหารของ Fraunhofe ; Klaus Drechsler
ศาสตราจาร์ยและหัวหน้าสถาบันการขึ้นรูปผสมคาร์บอนด์ของมหาวิทยาลัยเทคนิดแห่งมิวนิคทำงานที่ EADS ในการพัฒนาการขึ้นรูปผสม
เครื่องบิน แอร์บัส ปัจจุบันเขาอยู่ในการจัดตั้งศูนย์Fraunhofe ใหม่ในเมือง Augsburg การคาดหวังมีงานทำและการกระจายตัวผู้เชี่ยวชาญเทคโนโลยี่ ขาดแคลนอย่างหนักในสหรัฐอเมริกา
ที่นั้นนักวิจัยของรัฐมักจะทำงานอยู่ประจำที่เดียวตลอดชีวิต
การร่วมมือกันอย่างแน่นแฟ้นและหลากหลายนี้เป็นแบบฉบับนวตกรรมของเยอร์มันนี
ส่วนใหญ่มันเกิดมาแล้วมากกว่า สิบปีระหว่างบริษัทต่างๆไม่ว่าเล็กหรือใหญ่
ปัจจุบันจะทำงานร่วมกัน พวกเขารู้โดยสามัญสำนึกว่า
ข้อมูลเขาสามารถแบ่งปันและปกปิดเก็บเป็นลิขสิทธ์เฉพาะได้อย่างดีที่สุด “
ความเชื่อมั่นระหว่างบริษัทและสถาบันที่ทำงานร่วมกันแต่เติมเต็มความเป็ฯหนึ่ง
คุณจะไม่พบเห็นในประเทศอื่น ๆหรอก ” Benat Bilbao นักเศรษฐศาสตร์แห่ง
World Economic Forum ในเจนีวา กล่าว
นอกจากนี้ในแต่ละปีจะมีรายงานแสดงให้เห็นว่า เยอร์มันนีเป็นประเทศที่มีอุตสาหกรรมนวตกรรมใหม่อยู่ในอันดับที่เหนือกว่าสหรัฐอเมริกาอีกด้วย ส่วนใหญ่กลุ่มบริษัทและซับพลายเออร์พวกเขาเจริญเติบโตมากว่า
สิบปีมาแล้ว ( บางกรณีเจริญยังยืนมากว่า ร้อยปี เช่น ผู้ผลิตนาฬิกาแถวป่าดำ
ปัจจุบันเป็นผู้นำในโลกแห่งเครื่องมือแพทย์ผ่าตัด )
ทำให้พวกเขาไม่งายนักต่อก่รลอกเลียนแบบ
เยอร์มันนียังคงสร้างสรร
อย่างเครือข่ายใหม่ในอุตสาหกรรมแบบก้าวกระโดด หนึ่งในล่าสุดคือ Bioeconomy Cluster ตั้งอยู่ใกล้ Leipzig มีเครื่อข่ายบริษัทมากกว่า
60 แห่ง บริษัทและสถาบันวิจัย
หาทางพัฒนาผลิตภัณฑ์เคมีพลาสติกจากมูลชีวะ Biomass ทดแทนการใช้ปิโตเลียมที่ปล่อยก๊าซคาร์บอนไดอ็อกไซด์และมีต้นทุนสูง(
ปิโตเลียมไม่พียงให้พลังงานน้ำมันแต่สามารถสกัดไปทำวัสดุผลิตภัณฑ์อื่นด้วย ) เมื่อ
Fraunhofe ตั้งศูนย์เทคโนใหม่
ได้เลือกสถาบันบริษัทที่แข็งแกร่งอญุ่แล้วในงานของตนแทนที่จะพยายามสร้างบางสิ่งจากเริ่มใหม่
“
ปรัชญาบริษัทของเราคือการนำบางสิ่งที่ดำเนินการอยู่แล้ว
รดน้ำลงไปเพื่อให้มันเจริญเติบโต ” ประธานสมาคม Fraunhofe, Hans Jorg
Bullinger กล่าว ในการตั้งกลุ่มการผลิตขึ้นรูปผสม คาร์บอนด์ ขึ้นใหม่ Fraunhofe คัดเลือกบริษัทที่มีอยู่แล้วและฝ่ายของมหาวิทยาลัย
จัดสรรงบประมาณ ทีมบุคลากร และอุปกรณ์สนับสนุนเพิ่มเสริมการทำงาน
ปรัชญาที่สอง Bullinger กล่าวคือการให้คำมั่นที่ลากยาวไกล ศูนย์ Fraunhofeใหม่ มีระบบป้องกันงบประมาณโดยตนเอง ไม่มีการประเมินผลเพื่อขอขึ้นงบประมาณเป็นสองเท่าจากเอกชนเกิดขึ้นเพื่อในระยะห้าปี บริษัทเองก็เช่นกันลงทุนเพื่อระยะยาว
อุตสาหกรรมนวตกรรมใหม่ของเยอร์มันนีส่วนใหญ่เป็นบริษัทภายในครอบครัวที่ไม่กังวลกับการรายงานช่วงไตรมาส
บริษัทที่โดดเด่นอย่าง Trumsf เกือบจะไม่ปรากฎร่องรอยของการบริหารงานแบบครอบครัว
ได้เป็นที่หนึ่งของโลกอุตสาหกรรมเลเซอร์เทคโนโลยี่ปัจจุบันมีรายได้เกือบ 3 พันล้านเหรียญสหรัฐ Fraunhofe
ก็เพิ่มนักวิจัย 3,000 ตำแหน่งในช่วงเกิดวิกฤตเศรษฐกิจ
“ หลายประเทศพยายาม ที่จะเลียนแบบเรา ” Bullinger
กล่าว “ แต่ความพยายามของเขาล้มเหลว
เพราะเขาคิดวางแผนระยะสั้น “
นั่น อาจจะเป็นรอยร้าวของโครงการ ของท่านประธานาธิดี
บารักโอบามา เมื่อถูกพบว่าในเดือน มีนาคม จำนวนเงิน หนึ่งพันล้านเหรียญ เครือข่ายแห่งชาติเพื่ออุตสาหกรรมนวตกรรมมีรูปแบบตามอย่างเยอร์มันนี ถ้ารัฐสภาผ่านมัน
จะเกิดเครือข่าย รัฐ-เอกชนดำเนินการในบริษัทอุตสาหกรรม มีศูนย์เทคโนการผลิต 15 แห่งกระจายทั่วประเทศ
ยิ่งไกลยิ่งดี แต่งบประมาณตั้งไว้เพียง 4ปีแรก
ตามความเห็นของ Bullinger มันยังสั้นและน้อย “
อย่างไรก็ดี มันยังคงอยู่ในทิศทางที่ถูกต้อง ” Bullinger กล่าว
แน่ละ ระบบเยอร์มันนีนี้มีจุดอ่อนเหมือนกัน วัฒนธรรมที่พิถีพิถันก่อเกิดการดำรงอยู่ของเทคโนโลยีอย่างสมบรูณ์แบบมากกว่าแรงจูงใจอย่างรุนแรงของนวตกรรม
และชาติเยอร์มันนีก็เคยมีช่วงระยะแห่งความหวาดกลัวเทคโนโลยี่
ที่นักการเมือง นักกิจกรรมต่อต้าน ขับไล่อุตสาหกรรมไฮเทค เช่น ไบโอเทค ในปี ค.ศ.1980 แต่การขับเคลื่อนเพื่อนวตกรรมอุตสาหกรรมของเยอร์มันนีได้หยุดการผลิตที่ใช้เทคโนโลยีต่ำ
เป็นตัวอย่างให้เห็นวิธีแข่งขันไปกับจีน
นักศึกษาที่กำลังจะกลายเป็นบัณฑิตที่อยู่ปฎิบัติการในห้องทดลองวิจัยเมืองมิวนิคเหล่านั้น
ถูกนำไปภาคอุตสาหกรรม เป็นรูปแบบตัวอย่างที่น่าเรียนรู้
ข้อสังเกตุ ในการประเมิณดัชนีความสามารถในการแข่งขันทั่วโลก เยอรมันนีได้คะแนนสูงกว่าสหรัฐอเมริกาในหลายๆมิติ(หลายด้าน)อย่างเช่น คุณภาพของสถาบันและโครงสร้างหน่วยสนับสนุนต่างๆ ดูรูปกราฟประกอบ
---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น