ในบรรดา 10 อันดับโรคท่ำให้คนอเมริกันเสียชีวิต อัลไซค์เมอร์อยู่ในอันดับที่6 สำหรับโรคอัลไซมเมอร์สุดท้ายจะจบลงด้วยความตาย ผู้ป่วยเริ่มด้วยการสูญเสียความทรงจำ ปัจจุบันประชากรชาวอเมริกันราว5.3ล้านคนเป็นโรคนี้ และจะสูงถึง8ล้านคนในปี2025จะเป็นสามเท่าในปี2050 สมาคมอัลไซมเมอร์คาดว่าต้องใช้เงินงบประมาณค่าล้ยงดูผู้ป่วยที่ระบบประกันสุขภาพแห่งชาติจ่ายสูงขึ้นจากในปี2014 จำนวน 214ล้านเหรียญสหรัฐมาเป็น1.1ล้านล้านเหรียญสหรัฐ ตัวเลขค่าใช้จ่ายนี้เป็นที่ล่อใจแก่บรรดาผู้ผลิตยาให้มาสู่ตลาดของอัลไซมเมอร์ วงการเภสัชศาสตร์ที่ได้ต่อสู้กับโรคร้ายนี้ ยาที่ตั้งใจว่า คิดว่า สามารถรักษามันได้ก็ล้มเหลวไปแล้วหลายชนิดมีสารตัวยาจำนวน 224ชนิดที่บริษัทยาต่างๆได้ทำการทดสอบทางคลีนิคมาในช่วงปี 2002-2012 มีเพียงชนิดเดียวที่ได้รับการยอมรับจากเอฟดีเอFDA สำนักงานอาหารและยาสหรัฐ(อีก14ชนิดยังอยู่ในขั้นวิจัยทดสอบคลีนิด)หากเปรียบเทียบเป็นอัตราของการประสพความสำเร็จเท่ากับร้อยละ0.4 ขณะที่การค้นหายารักษามะเร็งทำได้ร้อยละ19 ปัจจุบันมียารักษาอัลไซค์เมอร์อยู่เพียง5ชนิดที่ผ่านการรับรองจากสำนักงานอาหารและยาสหรัฐและเหลือเพียง4ชนิดที่ที่ยังจำหน่ายอยู่ในตลาด แต่ยาที่ผลิตออกจำหน่ายสู่ตลาดทั้งหมดมุ่งไปยังรักษาที่อาการอัลไซค์เมอร์คือเรียกความจำกลับมาไม่ได้มุ่งปังสาเหตุของโรคโดยตรง
ณ.ที่เมืองนิส ฝรั่งเศล ในวันที่20 มีนาคม 2015 นายซีวิกนี่ (Sevigny)ผู้บริหารบริษัทยาที่ชื่อ Biogenได้เข้าร่วมบรรยายในงานประชุมระหว่างชาติเรื่องอัลไซคเมอร์และปากินสัน เขาได้นำเสนอถึงการลงทุนจำนวน๑๐พันล้านดอลลาร์สหรัฐในเทคโนโลยี่ไบโอเทคและได้กล่าวถึงการค้นพบยารักษาอัลไซคเมอร์ที่ชื่อ aducanumab มีผู้สนใจเข้ารับฟังเนื่องแน่น มันเป็นครั้งแรกที่ปรากฏการ์ณของยาในการขจัด พลั๊ก plaquesในสมองที่ทำให้เกิดอาการอัลไซคเมอร์ขณะเดียวกันก็ยับยั้งอาการทุกข์ทรมานความจำเสื่อมของนไข้ให้ช้าลงได้
อาจมีความคิดว่า ยา aducanumab ไม่น่าจะได้ผลอันเนื่องจากการทดลองฤทธิ์แอนตี้บอดี้ที่หลังจากเกิดโปรตีนย่อยๆพวกบีต้าแอมัยลอยด์ (beta amyloid) ไปเกาะกลุ่มรวมตัวกันเป็นแผ่นก่อรูปที่เรียกว่าพลั๊กplauqe ซึ่งจะปิดกั้นเซลประสาทในสมองนั้นอาจเป็นเรื่องที่ผิดเป้าหมายการรักษา มีนามากกว่า70ชนิดที่ต่อต้านแอมัยลอยด์ amyloidที่บริษํทยาหลายรายไม่ว่าจะเป็น Eli Lilly Roche Elanร่วมกับPfizer และ Johnson ได้เคยทำการทดสอบทางคลีนิดมาแล้วแต่ไม่ประสบความสำเร็จสักราย ในอดีต Biogenทดสอบทางคลีนิคทาถึงขั้นตอนที่Phase1b เพื่อมุ่งจะหาขนาดยารับประทานเหมาะสมปลอดภัยแต่ยังหาไม่ได้เนื่องจากใช้คนไข้ผู้ทดสอบเพียง166รายเกือบจะเพียงพอเพื่อได้บทสรุปขนาดของยาที่เหมาะสมถ้าคนไข้ได้ยาที่มีขนาดสูงๆมากจะมีความเสี่ยงที่ทำให้สมองบวมได้
มีการวิเคราะห์ของGoldman Sachและบรรดาบริษัทหลักทรัพย์ในวอลสตรีทว่ายอดขายยา aducanumab ในอนาคตจะสูงถึง 8.4พันล้านเหรียญสหรัฐแต่ในกลุ่มนักวิจัยคิดต่างบรรดาสถาบันค้นคว้าและอุตสาหกรรมวิจัยได้สอบถามในที่ประชุมขณะที่ผู้บริหารBiogenนำเสนอถึงผลการทดลองของพวกเขา พวกเขาให้ความเห็นว่าถ้าผลทดลองทางคลีนิกได้รับการยืนยัน นี่จะเป็นการประสบความสำเร็จอย่างมากในวงการรักษาบำบัดอัลไซค์เมอร์เท่าที่มีมา สำหรับbiogenแล้วดูเหมือนเป็นบริษัทยาผู้มาใหม่แข่งขันกับผู้ที่อยู่ในวงการนี้อยู่แล้ว หากเปรียบเหมือนนิทานพื้นบ้านการวิ่งแข่งกระต่ายกับเต่า แข่งกับบริษํทยาเก่าแก่อย่างEli Lillyที่มีอายุถึง139ปีและได้ใช้เวลาค้นคว้าคิดหายารักษาอัลไซมเมอร์มาแล้วเป็นเวลาถึง26ปีแต่ผลตอนท้ายของนิทานเรื่องนี้กับเป็นกระต่ายที่ชนะ
ที่จริงความสนใจโรคอัลไซมเมอร์มีมาตั้งแต่หนึ่งศตวรรษมาแล้ว จิตแพทย์ชาวเยอร์มันชื่อ อลอยส อัลไซเมอร์ Alois Alzheimer ได้พบว่าคนไข้ของเขาชื่อ Auguste Deterหญิงวัย51ปี สูญเสียความจำตอนแรกคิดว่าเป็นไปตามธรรมชาติแต่เธอได้บอกว่าเธอสูญเสียมันตั้งแต่ยุยังน้อย เมื่อ เธอเสียชีวิต จิตแพทย์ได้ทำการผ่าตัดสมอง เธอตรวจพบ เนื้อสมองหดตัวและเมื่อนำเนื้อเยื่อมาส่องกล้องจุลทรรศน์พบที่เซลประสาทเราเรียกว่านิวรอน รอบๆมีการเกาะกลุ่มสะสมของที่มีลักษณะเป็นแอมัยลอยด์ พลั๊ก(amyloid plaques) และเส้นระโยงจากเซลประสาทก็พันกันหยุ่งเหยิง(neurofibrillary tangles) หรือที่เรียกว่า เทา(tau) นี่เป็นลักษณะเฉพาะชองโรคอัลไซเมอร์ แต่การศึกษาหายารักษาโรคนี้กลับเกิดขึ้นเมื่อหนี่งร้อยปีต่อมาเมื่อนักวิจัยเริ่มที่เข้าใจสภาพและสาเหตุของอัลไซเมอร์ มากขึ้นว่า อัลไซเมอ์ไม่ใช่อาการเงื่อนไขที่เกิดได้ยากแต่กลับเป็นที่มาเริ่มแรกของอาการวิกลจริต
บริษัทEli Lily ทำเงินได้จากการจำหน่ายยาแก้อาการซึมเศร้าที่ชื่อ Prozac มามากมายจึงได้ลงทุนมาศึกษาเรื่องนี้ในปีค.ศ.1995 คิดค้นได้โมเลกุลสารที่ชื่อว่า Xanomeline บริษัทเชื่อว่าสามารถเรียกความทรงจำของผู้ป่วยกลับมาได้ น่าแปลกที่บริษัทคู่แข่งของBiogenที่เก่าแก่นี้ไม่ได้มุ่งประเด็นการค้นคว้าไปยังความผิดปกติสองประเด็นที่ด๊กเตอร์อัลไซเมอร์ค้นพบ คือ แอมัยลอยด์(amyloid)และ เทา (tau) มันเป็นเวลานานถึงสี่ทศวรรษที่การวิจัยไม่ได้ตั้งอยู่บนพื้นฐานสภาพการ์ณความผิดปกติทั้งสองอย่าง มันเป็นสมมุติฐานที่แพร่กันต่อมารียกว่า Amyloid hypothesis เมื่อ beta-amyloid เป็นพวกโปรตีนซึงปกติจะหมุนเวียนอยู่ในสมองเกิดการสร้างขึ้นมากกว่าปกติหรือไม่ก็การขจัดมันออกไปได้น้อยไม่สมดุลย์เกิดการสะสมก่อรูปแผ่นที่เรียกว่า พลาก(Plaque)รอบเซลประสาท(neuron) และยึดเหนี่ยวในจุดเชื่อมต่อระหว่างต้วเซลประสาทและสายระโยงนำสัญญาน เพื่อไม่ให้สัญญานสั่งงานและรับรู้ผ่าน จะทำให้เกิดปัญหากับเทา(tau)โปรตี่นในเซลประสาทที่เกี่ยวข้องกับพื้นฐานของระบบสื่อเขื่อข่ายระบบประสาท พวกพล๊ากและเทาทีสะสมในสมองเหล่านี้ ทำให้เซลประสาทตายซึ่งจะทำลายสุขภาพสมรรถนะของสมอง
ในสมัยแรกสารประกอบที่ได้นำมาทดสอบเรียกว่า LY-411575 เมื่อทดสอบกับหนูให้ผลดี แต่เมื่อทดสอบกับสุนัขกลับไปเพิ่มเหมือกในทางเดินระบบอาหารจึงล้มเลิกไป ในปีค.ศ.2008 Eli Lilly ได้ทดสอบยาถึงระยะที่สาม Phase3กับกลุ่มผู้ป่วยจำนวนมากที่สุดและใช้เงินมากที่สุดกับการทดลองยาในคนโดยใช้ผู้ทดลองผู้เกี่ยวข้องร่วมงานถึง2,600คน จากสามประเทศระยะเวลาทอลอง21เดือน แต่แล้วบริษัทก็ได้รับแจ้งจากกลุ่มอิสระผู้ติดตามความปลอดภัยของยาว่าได้คะแนนประเมินในส่วนการทดสอบการรับรู้แย่กว่ายาหลอก ดังนั้นการทดลองจึงต้องล้มเลิกไป แต่แล้วในเดือนกรกฏาคม 2010 Biogenได้นักชีววิทยาที่ชื่อ George Scanges มาร่วมงานด้วยโดยพุ่งประเด็นไปที่ แอนตี้บอดี้ต่อต้านอะมัยลอยด์ สารชื่อว่า aducanunab โดย biogen เริ่มสนใจเป็นบริษํทลำดับที่5 ก่อนหน้านั้นที่มีบริษัทใหญ่ๆมาก่อนสี่ราย(รวมถึง Lilly,Pfizer)มุ่งไปยังแอนตี้บอดี้อยู่แล้วและ ก็เป็นบริษัทที่ห้าที่ข้ามเส้นชัยะ บริษัทElan บริษัทยาของIrish ได้มุ่งทดลองฉีดยาคนไข้ด้วย beta-amyloid ตามทฤษฏีแล้วจะกระตุ้นร่างกายสร้างอีมูลimmune ระบบคุ้มกันไปต่อต้านพวกพล๊ากplaque อย่างไรก็ตามต่อมาต้องหยุดชะงักโครงการเนื่องจากมีรายงานว่าพบผู้ป่วยร้อยละ6เกิดเยื่อหุ้มสมองอักเสบ meningoencephalitis สมองและไขสันหลัง(spinal cord) อักเสบ ในขณะนั้นนักวิจัยก็มีความคิดเห็นแตกต่างเป็นสองกลุ่ม กลุ่มหนึ่งมุ่งตรงไปที่ beta-amyloid protein เป็นเป้าหมายในการรักษาอีกกลุ่มเน้นที่เทา(tau) ทุกครั้งที่ยา amyloidทดลองไม่ได้ผล ความแตกแยกคิดเห็นยิ่งห่างออกไปอีก ต่อมาบริษัทbiogenได้ลองใช้ยา aducanunab เป็นแอนตีบอดี้ โดยสังเคราะห์ตามรหัสพันธุกรรมgenetic code จากเซลของคนชราชาวสวิซเซอร์แลนด์ที่มีสุขภาพสมบูรณ์ทั้งร่างกายและจิตใจที่อุทิศให้ ด้วยแนวคิดที่ว่าอะไรก็ตามในตัวที่ทำให้ชาวสวิสซ์อยู่แข็งแรงจนถึงวัยชราได้ย่อมช่วยรื้อฟื้นสภาพจิตใจของผู้ป่วยอัลไซเมอร์
นักวิทยาศาสตร์ของBiogenได้ทดสอบแอนตี้บอดี้ที่มีคุณสมบัติเฉพาะสามารถจับกับamyloid plauqeและเมื่อทดลองกับหนูที่มีอายุมันสามารถลดพล๊ากได้ การทำแอนตี้บอดี้จาก neurimmuneนี้ บริษัทBiogenได้จดสิทธิบัตรแล้วจำหน่ายไปทั่วโลก ทำให้เกิดการพัฒนาและธุรกิจระหว่างที่สิทธิบัตรถูกใช้ไป(โดยค่าRoyalty) แต่แอนตี้บอดี้นี้อาจมีปัญหาที่โมเลกุลของสารอาจใหญ่เกินกว่าจะผ่านด่านกั้นขวางในเลือดสมอง(blood-brain-barrier)ได้ก่อนจะไปถึงเป้าหมายและยังมีเหตุผลสามประเด็นว่าทำไมไม่ประสบความสำเร็จคือ
--เป็นไปได้ว่ายานำไปทดสอบทดลองกับคนไข้ที่ไม่ได้เป็นอัลไซเมอร์จริง
--ไม่มีความชัดเจนเลยว่ายาได้ออกฤทธิ์กับเป้าหมายถูกต้องคือ amyloid protein
--การทดลองกระทำกับคนไข้ในเวลาที่ช้าไปเสียแล้ว
บริษํทยาได้พยายามค้นหาคำตอบสมมุติฐานสามข้อนี้ แล้วก็พบว่า amyloid จะสะสมในสมองคนไข้เป็นเวลานานถึง15ปีก่อนที่จะแสดงอาการของมันออกมากับผู้ป่วยฉนั้นเมื่อการทดลองใช้ยากับผู้ป่วยในระยะแรกเริ่มป่วย จึงเกิดผลดีในการรักษา บริษัทBiogenได้ค้นพบเหตุผลนี้ การทดลองจึงก้าวหน้าประสบความสำเร็จมาถึงการทดลองในระยะที่สามขั้นสุดท้าย(Phase3)อย่างไรก็ดีบริษัทก็ยังไม่สามารถผลิตยาออกจำหน่ายสู่ท้องตลาดได้จนกว่าจะถึงปีค.ศ.2018
ขณะที่บริษัทEli lilly ก็เข้าใจและรู้เหตุผลเรื่องนี้เหมือนกันและพร้อมที่ลงทุนทดลองระยะที่สามของยาที่ชื่อSolanezumabซึ่งก็บ่งใช้ไว้ว่าต้องรักษาผู้ป่วยอัลไซเมอร์ที่เริ่มแรกอย่างไรก็ดีบริษัทจะผลิตออกจำหน่ายในปีค.ศ.2018เหมือนกัน บางที่นิทานกระต่ายวิ่งแข่งกับเต่าในเรื่องยารักษาอัลไซเมอร์นี้ ผลสุดท้ายกลับเป็นว่าคงจะถึงเส้นชัยพร้อมกันทั้งคู่
เรียบเรียงจาก"Can Biogen Beat The Memory Thief? Fortune Magazine May2,2015.
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น