การนำเทคโนโลยีสื่อสารทางคอมพิวเตอร์โดยระบบอินเตอร์เนต
ผนวกและบูรณาการร่วมกับการวิวัฒนาการของโทรศัพท์มือถือให้เป็นช่องทางสือสารทั่วถึงกันทั้งระดับบุคคล
กลุ่ม ประทศ และระหว่างประเทศจนครอบคลุมทั่วโลกนั้น
ได้ทวีแพร่หลายเป็นที่นิยมกันในปัจจุบัน หากแต่กำลังเปลื่ยนรูปแบบให้เกิดการรับใช้และสนองตอบต่อประชาชนและสังคมจากที่เดิมทีอยู่ในแวดวงเรื่องส่วนตัวเพื่อนฝูงความเป็นอยู่
ชีวิตประจำวัน เรื่องพื้นฐาน ให้มารับใช้ในแวดวงการแพทย์สาธารณสุข
ที่สหรัฐอเมริกาเริ่มในปี ค.ศ.1994 นักวิชาการอาสาสมัครได้ร่วมกันคิดสร้างโปรแกมProMED-mail(Program
for Monitoring Emerging Desease) โดยมุ่งหวังเพื่อทำให้คนไข้มีอาการดีขึ้นหากเขาเหล่านั้นสามารถส่งรับข้อมูลอาการเจ็บป่วยแบบทันทีและออนไลน์ไปยังแพทย์ของพวกเขาเพื่อที่จะได้ดำเนินการเตรียมพร้อมหรือให้การบริการฉุกเฉิน
ไม่เพียงเท่านั้นยังมีการนำข้อมูลรายงานภูมิอากาศท้องถิ่นที่เป็นปัจจัยก่อให้เกิดอาการป่วยต่อคนไข้แจ้งกระตุ้นเตือนกลับไปยังคนไข้ โปรแกมProMED-mail จึงถือเป็นรายงานข้อมูลการเฝ้าระวังโรค(desease surveillance data)ทีเปลื่ยนไปจากรูปแบบเดิม รูปแบบเดิมข้อมูลรายงานจะถูกเก็บรวบรวมจากแพทย์,เจ้าหน้าที่สาธารณสุขหน่วยงานของรัฐมาที่ศูนย์,กอง,กรม,กระทรวงและจะถูกประกาศเปิดเผยจากหน่วยงานของรัฐ
และด้วยวัตถุประสงค์เดียวกันในปีปี ค.ศ.2006 ทีมงานโรงพยาบาลเด็กแห่งเมืองบอสตันได้ร่วมกันสร้าง HealthMap เป็นการพัฒนาต่อจากนำข้อมูลจากProMED-mail มาผนวกประสานข้อมูลของรัฐบาล รวมกับข่าวทางหนังสือพิมพ์และการพูดคุยทางโซเชี่ยลมีเดีย
สร้างเป็นแผนที่ปัจจุบันทันกาลแสดงการเกิดระบาดของโรคได้ทั่วโลก ผลงานที่ประขาคมโลกได้ประจักษ์แล้วก็คือ
ในเดือนกุมภาพันธ์ ปี ค.ศ.2003จากการรายงานของ ProMED-mail ได้ทำลายกำแพงความเงียบของจีนที่ปิดกั้นการแพร่ระบาดของไข้หวัดซารส์SARs และในเดือนเมษายนปีค.ศ.2009 HealthMap สามารถชี้จุดการเกิดระบาดไข้หวัดนกสายพันธ์H1N1จากตามรายงานหนังศือพิมพ์เม็กซิโกได้
แผนที่บนหน้าจอมือถือแสดงผู้เป็นหอบหืดจุดสีแดงกำลังใช้เครื่องพ่น บริเวณสีส้มบ่งถึงผู้ป่วยอื่นต้องใช้ด้วยภาพจากScientific
American March,2013
ในค.ศนี้แต่ละเดือนเฟตบุคมีผู้เข้าใช้เพื่อ
ติดรูปภาพ,ส่งข้อความและปรับสภาพไฟล์ของพวกเขาให้ทันสมัยมีจำนวนมากกว่า
หนื่งพันล้านคน สภาพเช่นนี้ทำให้เกิดมูลค่าตลาดถึง 65 พันล้านเหรียญสหรัฐหรือประมาณ 65เหรียญสหรัฐต่อผู้ใช้หนึ่งคน
แต่สำหรับเว็ปไซค์ linkedln เนตเวร์คแห่งวิชาซีพ วอลสตรีท ประเมินแล้วมีมูลค่าเกือบ 18.5พันล้านเหรียญสหรัฐ หรือ 92.5 ต่อผู้ใช้ ซึ่ง linkedln เนตเวร์คแห่งวิชาซีพนี้มีสมาชิก 200 ล้านคนเข้ามาสอบถามเรื่องที่บริการถึงความเป็นความตายมากกว่า
อย่างเช่น การหางานทำ. ปัจจุบันฝ่ายบริหารของหลายระบบบริการอินเตอร์เนต ตั้งเป้าไปในการแทรกแซงวิถีแห่งการแชร์ข้อมูลเกี่ยวกับสุขภาพส่วนตัว
แพทย์ประจำตัว และการรักษาของผู้บริโภค
ดังนั้น
นอกจากการเพิ่มทวีของโปรแกรมช่วย(application)ที่ทำให้ผู้ใช้ติดตามตลอด
และคอยบริโภคสม่ำเสมอแล้ว เทคโนโลยี่การสื่อสารยังปฎิวัติระบบบริการสุขภาพแบกลับหัวกลับหาง
ลองคิดดูถึงเมื่อคุณมาออนไลน์พบกันในโลกไซเบอร์ร่วมกับคนที่ป่วยด้วยโรคที่หายาก(มีผู้ป่วยน้อยรายที่เป็นโรคนี้)
หรือค้นหาแพทย์บนพื้นฐานของการทบทวนรายละเอียดคนไข้,ผู้ป่วย
เฟตบุคอาจให้เครื่องมือเครื่องช่วยที่สมาชิกชอบแต่
โซเซียลเนตเวร์ดคลื่นลูกใหม่ได้มอบเครื่องมือที่ผู้ใช้อยู่ไม่ได้ถ้าปราศจากมัน โซเซียลเนตเวร์ดคลื่นลูกใหม่ที่นำมาให้บริการสุขภาพเริ่มจากงานสองประเภทสองกลุ่ม
1 เนตเวร์คสำหรับผู้ป่วยเชื่อมผู้ป่วย (The patient to patient network)
ในปี คศ.2004 มีกลุ่มผู้ป่วยที่เป็นวิศวกรได้สร้าง เว็ปไซค์ PatientLikeMe เพื่อให้ผู้ที่มาเยื่ยมชมได้แชร์ข้อมูลเรื่องราวของตนเองประวัติรักษาทางการแพทย์และสามารถตอบคำถามได้แบบออนไลน์
ปัจจุบัน(คศ.2013)เว๊ปไซค์นี้มีผู้ใช้200,000 คน ครอบคลุมโรค 1,800 ชนิด เว๊ปนี้นอกจากจะให้ประโยช์นกับคนไข้แล้ว
เจ้าของเว๊ปยังได้ประโยชน์จากการขายข้อมูลของคนไข้ให้บริษัทผู้ผลิตยา อย่างบริษัทเมิร์คและโนวาติส
(Merck&Novartis)และ สถาบันการศึกษาอย่างมหาวิทยาลัยต่างๆ
ถึงแม้ว่าจะมีกฎหมายพิทักษ์ความเป็นส่วนตัวPrivacy lawsที่คอยควบคุมข้อมูลของผู้ป่วยPatientLikeMeที่มีฐานอยู่ที่แคมบริคจ์ แมซสาซูเสล สามารถรวบรวมและกระจายข้อมูลทางเนตเวร์ดได้โดยผู้ก่อตั้งได้บอกแก่สมาชิกโดยเปิดเผยตรงๆถึงเหตุผลว่า
เนตเวร์คจะทำอะไรบ้างกับข้อมูลของผู้ป่วย
ข้อมูลของพวกเขาจะไปที่ใดและเพื่อจุดประสงค์อันใด เมื่อพวกเขาได้สื่อถึงกัน มันจะเป็นการดียิ่งขึ้น
ข้อมูลถูกใช้ในทางที่ดี ให้รู้ถึงยาที่เจาะจงและประสิทธิภาพของแหล่งข้อมูล ผู้ก่อตั้งผู้บริหารเว๊ปไซค์กำลังดำเนินการขยายการดำเนินการให้เป็นเว๊ปไซค์เป็นแหล่งการเรียนรู้ระบบบริการสุขภาพ
a learning health care
system
2 เนตเวร์คแพทย์เชื่อมโยงกับผู้ป่วย (The Doctor-to-Patient Network)
เริ่มเดิมทีเว๊ปไซค์Practice Fusionดูไม่เหมือนเป็นโซเซียลเนตเวร์ด บริษัทได้วางระบบอีเล็กโทนิคฐานคลาวด์บันทึกข้อมูลทางแพทย์สำหรับหมอโดยให้บริการฟรีแต่ขายการโฆษณาบนเว๊ป
ผู้บริหารรู้ดีว่าบรรดาแพทย์จะไม่มาที่เว๊ปแม้ว่าจะฟรีก็ตามเว้นเสียแต่ว่ามันจะให้บริการที่สดวกใช้ง่าย
เพื่อชนะใจแพทย์ Practice
Fusion
จึงทุ่มเทเครื่องมืออำนวยความสะดวกลงในเว๊ปไซค์ที่ทำให้แพทย์ง่ายต่อการโอนถ่ายไฟล์ข้อมูลบันทึกทางแพทย์จากท่านหนี่งไปสู่อีกท่านหนึ่งทำให้มีผู้ประกอบวิชาชีพทางการแพทย์เกือบ150,000 คน และผู้ป่วย 60ล้านคนพบปะกันบนเว๊ปนี้จึงเป็นที่ดึงดูดการลงทุนในเว๊ปนี้
จุดขายอยู่ที่การแชร์ข้อมูลกันในระบบอินทราเน็ต Practice Fusion ขณะนี้อนุญาตให้ผู้ป่วยแสดงความเห็นการตรวจของแพทย์และให้เช็คเวลาว่างของแพทย์เพื่อขอนัดตรวจ
ส่วนแพทย์เองก็สดวกส่งงานในลักษณะไร้กระดาษ ปัจจุบันมีโซเซียลเนตเวร์ดทำนองนี้เกิดขึ้นมากมายเช่น TripAdvisor ZocDocและหนึ่งในเนตเวร์ดที่ใหม่สุดคือ HealthTab เป็นฮับทางออนไลน์ที่ใหญ่มี
แพทย์ถึง 1.2
ล้านคนทั่วโลกที่ได้รับคำถามจากทุกๆคนทุกๆที่ทั่วโลก
เว๊ปนี้ติดตั้งเครื่องรับบันทึกโทรคมนาคมเรียลไทม์ให้บริการคำตอบเกือบ 670 ล้าน แน่ละปัญหาของเนตเวร์ดใหม่คือ ต้องแข่งกับแฟชบุ๊คที่เป็นยักษ์ใหญ่แห่งโซเชี่ยลเน็ตเวร์ค
อ้างอิงเรียบเรียงจาก
1 Social meadia comes to Health Care…FORTUNE April 29.2013
2 The New
Age of Medical Monitoring.. Scientific American.com March 2013
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น