ความเสี่ยงต่อโรคหัวใจเมื่อใช้ยาแก้ปวด
การวิจัยและพัฒนาเมื่อค้นพบยาแก้ปวดที่ดี
มักจะประสพกับความยุ่งยากเสมอ อย่างเช่นยาชื่อ
- Vicodin ที่เป็นสารสกัดของฝิ่น(opioids)ก็ทำให้เกิดการเสพติดได้
-Acetaminophen(อะเซตตามีโนเฟน)คือพาราเซตามอลมีประสิทธิภาพแต่มันก็ทำลายตับ
-Aspirin(แอสไพริน)ยาแก้ไข้แก้ปวดแก้อักเสบ
ก็ทำให้เลือดออกในกระเพาะอาหาร
แม้แต่ยาปัจจุบัน
ยาแก้ปวดชนิดใหม่ๆในพวกยาแก้อักเสบที่ไม่ใช่สเตียรอยด์(NSAIDs)ที่ใช้รักษาอาการปวดข้อเรื้อรัง severe arthritis
ก็ยังเสี่ยงกับความผิดปกติของหัวใจ
มหาวิทยาลัยอ๊อกฟอร์ดได้ทำการศึกษาและตีพิมพ์รายงานออกมาว่า
ยากลุ่มแก้ปวดแก้อักเสบที่ไม่ใช่สเตียรอยด์ทีมีชื่อสามัญอย่าง diclofenac(ไดโคฟีแนค)และ ibuprofen(ไอบูลโพเฟน) มีความเสี่ยงผิดปกติของหัวใจเหมือนตัวอื่นๆในกลุ่มนี้ที่ประกาศห้ามใช้ไปแล้ว
การศึกษาพบว่าความเสี่ยงอันตรายนี้จะเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยยะหากคนไข้ผู้ใช้ยานั้นมีความผิดปกติมีปัญหาโรคหัวใจอยู่แล้ว
มหาวิทยาลัยอ๊อกฟอร์ดได้ทำการศึกษาพบว่าผู้ป่วย 1000 คนที่ได้รับยาตามใบสั่งแพทย์ขนาดสูงๆอย่าง150mg diclofenac และ 2,400mg ibuprofenทุกๆวันจะเกิดผล หัวใจล้มเหลวแบบ(heart attack) 3รายและ heart
failure 4รายโดยเสียชีวิตหนึ่งคน
นักวิจัยกล่าวว่าถ้าผู้ป่วยมีความเสี่ยงต่อโรคหัวใจเช่นเป็นคนสูบบุหรี่และกินยานี้ด้วยความเสี่ยงจะทวีคูณแต่ว่า
ยาแก้ปวดแก้อักเสบที่ไม่ใช่สเตียรอยด์(NSAIDs)นี้เป็นที่นิยมใช้โดยทั่วไปและมีประสิทธิภาพทางเลือกจึงเหลือน้อย
ยากลุ่ม(NSAIDs)มีเป้าหมายอยู่ที่ cox-2 inhibitor ยาที่ชื่อ calebrex เป็นยาตัวเดียวที่ยังอยู่ในตลาดสหรัฐอเมริกา
ในปีค.ศ.2004 บริษัท MerckถอนยาVioxx ออกจากตลาดม้ว่าจะเป็นยาที่ช่วยได้กับผู้ป่วยบางคน
ในปี 2005 สำนักงานอาหารและยาสหรัฐร้องขอให้บริษัทไฟเซอร์ถอนยา
Bextra ด้วยเหตุผลเดียวกัน ยังมียาบางชนิดที่กำลังพัฒนาซึ่งเป็นยาที่ไม่มีปัญหาเกี่ยวกับสุขภาพ
นักวิจัยมองไปที่ mPGES-1
inhibitor หรือยาที่ลบยืนพันธุกรรมที่แสดงผลเสี่ยงต่อหัวใจน้อยกว่าพวก cox-2 inhibitor ในหนูทดลอง
นักวิทยาศาสตร์กำลังศึกษายาชื่อ Naproxcinod ซึ่งจะมีผลต่อความดันเลือดสูงเล็กน้อย
แปลจาก
Time Magazine
June 24,2013
---------------------------------------------------------------------------------------------------------
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น