จำนวนการดูหน้าเว็บรวม

วันพุธที่ 9 ตุลาคม พ.ศ. 2556

การช่วยเหลือที่แอบแฝง






สายลับผู้ขัดขวางและทำลายอนามัยโลก



            หลังเที่ยงคืน วันที่ ๒พฤษภาคม ๒๕๕๔ โดยใช้เวลาไม่นานนักหน่วยซิล ทหารสหรัฐอเมริกาได้เข้าจู่โจมชั้นสาม ของอาคารแห่งหนึ่งในเมืองแอบโบทตาแบด(Abbottabad) ปากีสถาน  ไล่ล่าไปตามอาคารหลักชั้นบนและได้สังหาร ออสมาบิลลาเด่น ผู้ที่มีส่วนรับผิดชอบต่อการสังหารโหดผู้ที่มิรู้อีโหน่อีเหน่  จำนวนหลายพันคนทั่วโลกตลอดหลายปีที่ผ่านมานี้  แต่การปฎิบัติการณ์ครั้งนี้ อาจนำความตายไปสู่ผู้คนอีกมากกว่าแสนคน
          ในกรณีค้นหาชี้ตัวบิลลาเดนหรือครอบครัวของเขา ซ๊ไอ เอ, องค์การข่าวกรองสหรัฐอเมริกาได้ใช้โครงการฉีดวัคซืนป้องกันตับอับเสบชนิดบีมาบังหน้า ทั้งนี้เพื่อจะเก็บตัวอย่าง ดี เอ็น เอ DNA บรรดาเพื่อนบ้านของบิลลาเดน ที่เขาได้ซ่อนตัวแอบแฝงอยู่ ความพยายามครั้งนั้นก่อทำลายความน่าเชื่อถื่อศรัทธาต่อการพัฒนาสาธารณสุขอนามัยระดับโลกเป็นหลายสิบปี
        มันเป็นเรื่องยากพอควรที่จะรณรงค์ฉีดวัคซืนป้องกันให้ทั่วถึงกันออกไป  อย่างวัคซีนป้องกันโรคโปลิโอให้กับเด็กที่ยากจนค้นแค้น ภายใต้การเมืองที่ไม่มีเสถียรภาพ ตามท้องที่ภูมิภาคท้องถิ่นต่างๆกันทีมีข่าวลือโจษจันนาน สิบปีมาแล้วว่า การแพทย์ตะวันตกจะทำให้เด็กผู้หญิงเป็นหมัน  มันเป็นความคิดที่ผิดผลาดของกลุ่มผู้นำศาสนานิกายไนจีเรียนซึ่งตอนแรกก็ให้การสนับสนุนต่อการฉีดวัคซีน มาภายหลังมีรายงานที่น่าเชื่อถือมากมายว่า การรณรงค์ฉีดวัคซีนนี้เป็นส่วนหนึ่งในกิจกรรมของ ซี ไอ เอ ซึ่งสหรัฐก็ไม่ได้ปฏิเสธเรื่องนี้
     ความตายที่ต่อเนื่องได้เริ่มขึ้นแล้ว ชาวหมู่บ้านตามแถบตะเข็บชายแดนอาฟกานิสถาน-ปากีสถานได้ขับไล่เจ้าหน้าที่ตัวจริงที่มาให้บริการฉีดวัคซีนโดยกล่าวหาว่าพวกเขาเป็นจารชนให้สหรัฐอเมริกา  หัวหน้ากลุ่มตาลีบันได้สกัดกั้นไม่ให้มีการฉีดวัคซีนโปลิโอในพื้นที่บางส่วนของปากีสถานโดยเฉพาะอย่างยิ่งบริเวณที่ให้การสนับสนุนบิลลาเดนหลังจากนั้นในเดือน ธันวาคม เจ้าหน้าที่สาธารณสุขผู้ฉีดให้วัคซีนในปากีสถาน ๙ นายถูกฆ่า
      จากพันธองค์การสหประชาชาติได้สั่งถอนเจ้าหน้าที่ออกจากพื้นที่  สองเดือนต่อมา มีเจ้าหน้าที่ ๑๐ นาย ถูกยิงในประเทศไนจีเรีย มันเป็นสัญญานแสดงอันตราย ถึงการต่อต้านอย่างรุนแรงต่อเจ้าหน้าที่สาธารณสุขนั้น
      นี่ดีทีการต่อต้านเช่นนั้นไม่ได้อยู่ในช่วงเวลาที่โรคแพร่ระบาด การรณรงค์ทั่วโลกเพื่อให้วัคซีนโปลีโอได้เข้าสู่ช่วงสุดท้ายแล้ว จำนวนผู้ป่วยได้ลดลงจาก 300,000 รายในปี คศ.1988  มาอยู่ที่ 650 รายในปี ค.ศ.2011 ประเทศที่โรคนี้ยังมีอยู่เหลือเพียง 3 ประเทศ ได้แก่ ไนจีเรีย ปากีสถาน และอาฟกานิสถาน จากเดิมที่เคยระบาดใน 125 ประเทศ เมื่อ 25 ปีที่ผ่านมา การขัดขวางการให้ภูมิคุ้มกันนี้อาจสามารถกระตุ้นการคงอยู่ของโรคโปลีโอแพร่ไปทั่วโลกได้อีกครั้ง

จาก The Spies who sabotaged Global health.  Scientific American,May 2013.

1 ความคิดเห็น:

ไม่ระบุชื่อ กล่าวว่า...

ก็ฮั้วใหญ่ ฮั้วเก่ง ฮั้วเจริญแล้ว ฮั้วจะเอาคืนโดย ใครจะทำไม