จำนวนการดูหน้าเว็บรวม

วันศุกร์ที่ 10 มกราคม พ.ศ. 2557

ความเสื่อมของระบบย่อยอาหารเมื่อเข้าสู่วัยชรา






                  ก่อนอื่นขอให้ผู้อ่านได้รู้และเข้าใจระบบย่อยอาหารของร่างกายคนเรา อย่างย่อดังนี้ 


ระบบย่อยอาหารเป็นขบวนการที่ระบบทางเดินกระเพาะอาหารนำสารอาหารสำคัญมาสู่ร่างกายและใช้ขบวนการเคมีทำการเปลื่ยนแปลงอาหารที่ไม่ต้องการไปเป็นของเสีย  การเคี้ยวบดฉีกอาหารภายในปากเป็นขั้นแรกของการย่อยอาหาร  น้ำลายจะเริ่มต้นย่อยเปลื่ยนแปลงทำอาหารให้เป็นก้อนนุ่ม ที่เรียกว่า “โบลัส” (Bolus) น้ำลายทำให้ก้อนอาหารลื่นง่ายต่อการกลืนและไถลลงไปตามลำคอและหลอดอาหาร ก้อนอาหารจะผ่านรูหูรูดกระเพาะส่วนต้นเข้าสู่กระเพาะอาหาร  ภายในกระเพาะอาหารจะปล่อยกรดไฮโดรคลอริก ย่อยโมเลกุลอาหารขนาดใหญ่ให้เล็กลงแล้วทำให้เป็นก้อนเหลว ก้อนอาหารเหลวที่ย่อยแล้วในกระเพาะอาหารนี้เรียกว่า ไคม (Chyme) ผ่านต่อไปหูรูดกระเพาะอาหารส่วนปลาย เข้าสู่ลำไส้เล็กที่ส่วนต้นลำไส้เล็ก ณ.ที่นี้ เอ็นไซม์จะถูกปล่อยออกจากตับอ่อน ตับ และถุงน้ำดี  ย่อยไคมต่อไปอีกให้เป็นสารประกอบที่สามารถดูดซึมให้ร่างกายใช้ได้   ผิวภายในลำไส้เล็กเป็นเยื่อเมือกปกคลุมประกอบด้วยปุมเล็กๆ รูปร่างคล้ายนิ้วมือเรียกว่า วิลไล (Villi) วิลไลนี้สามารถย่อยอาหารจนได้และให้สารอาหารที่ถูกย่อผ่านเข้าสู่กระแสเลือดที่ลำไส้เล็ก  ที่นี่สารอาหารที่มีคุณค่าและวิตามินทั้งหมดจะถูกดูดซึม  ไคมเคลื่อนต่อไป สามารถเคลื่อนไปไกลถึง ๒๐ ฟุตตามความยาวของลำไส้เล็ก ก่อนที่จะถึงส่วนปลายสุดลำไส้เล็กเพื่อเข้าลำไส้ใหญ่  มีการย่อยน้อยมากที่ลำไส้ใหญ่ ไคมที่ไม่ย่อยแล้วจะผ่านลำไส้ใหญ่ถือเป็นของเสีย ซึ่งจะแข็งขึ้นตลอดระยะทางผ่านลำไส้ใหญ่เพราะน้ำจะถูกลำไส้ใหญ่ดูดกลับเข้าสู่ร่างกาย เกิดของเสียสะสมบริเวณลำไส้ตรงหรือไม่ก็ปลายลำไส้ใหญ่จนกระทั้สมองส่งสัญญานให้ร่างกายขับถ่ายออกมา





            มีข้อถกเถียงถึงความคิดเห็นที่แตกต่างที่ระบุว่า วัยชรา ควรจะนับตั้งแต่อายุเท่าไร ซึงผู้เขียนขอละไว้ไม่กล่าวให้มากความแต่ขออ้างจากตำราทั่วๆไป กำหนดให้ ว่าเมื่อคนเราเข้าสู่อายุ 65 ปีขึ้นไป


เมื่อเราเข้าสู่วัยชราอวัยวะและร่างกายตางๆหลายระบบก็เกิดความเสื่อมถอย ทำงานช้าลง และด้อยประสิทธิภาพ ไม่ปกติเกิดปัญหาต่างๆ โดยขอยกตัวอย่างเฉพาะระบบย่อยอาหารอย่างย่อมานำเสนอในบทความนี้เท่านั้น


ความชรามีผลต่อระบบย่อยอาหารได้หลายทาง อย่างเช่น


        กล้ามเนื้อหลอดอาหาร (esophagus) บีบหดตัวอ่อนแรงลงแต่ก็ไม่กระทบกับการเคลื่อนไหลของอาหารลงกระเพาะมากนัก


       เวลาที่อาหารอยู่ในกระเพาะอาหารนั้นนานขึ้น  ก็คือ กระเพาะอาหารบีบไล่ และย่อยอาหารให้ผ่านออกไปช้าลง


      กระเพาะอาหารไม่สามารถบรรจุรับปริมาณอาหารได้เท่าเดิม(น้อยลง)เนื่องจากความยืดหยุนตัวของกระเพาะอาหารลดลง เสื่อม  แน่ละคนส่วนใหญ่อาจไม่สังเกตการณ์เปลื่ยนแปลงนี้ ยังมีการเปลื่ยนแปลงอื่นๆอีกเช่น ในทางเดินอาหารจะผลิตเอ็นไซม์แล็คเตสน้อยลง เอ็มไซม์ตัวนี้ร่างกายต้องการมันเพื่อใช้ย่อยนม  ดังนั้นจึงเป็นเหตุผลว่าคนชราจึงไม่ถูกกับนม บางท่านจะมีอาการแน่นท้อง ท้องอืด มีแก๊ส หรือท้องเสียเมื่อดืมนม   ในลำไส้ใหญ่ส่วนของอาหารและกากอาหารเคลื่อนตัวไปได้ช้า ทำให้เกิดอาการท้องผูกได้เสมอ  ในส่วนของตับก็มีการเปลื่ยนแปลง  ตับเริ่มเล็กลงเนื่องจาก เนื่องจากเซลของตับลดจำนวนลง และมีเลือดไหลผ่านตับลดน้อยลง แน่นอนเอ็มไซม์จากตับทำงานจะทำงานด้อยประสิทธิภาพ มีผลให้ร่างกายทำลายยา(รวมถึงสารอื่นๆ)และขจัดมันออกจากร่างกายได้ไม่เหมือนเดิม  ผลการออกฤทธิ์ของยาต่างๆที่รับประทานเข้าไปจึงอยู่นานขึ้น ฉะนั้นผู้ดูแลเกี่ยวข้องต้องตระหนักในเรื่องนี้ด้วย


 ------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

อ้างอิง

 The Merck Manual of Health&Aging

โปรดดูภาพเคลื่อนไหวจาก
 


ไม่มีความคิดเห็น: