เป็นที่ทราบแล้วว่ามะเร็งก็คือเซลของร่างกายอวัยวะส่วนใดส่วนหนึ่งของร่างกายเกิดความผิดปกติมีการเจริญเติบโตแบ่งเซลอย่างรวดเร็วกว่าเซลปกติอื่นๆ ก่อเกิดปัญหาทำลายอวัยวะและการทำงานของอวัยวะนั้นๆและอาจรุกลามแพร่ไปยังที่อื่น การรักษาทางแพทย์ถ้าใช้การผ่าตัดหรือการฉายรังสีเพื่อหยุดยั้งมันแล้วไม่ได้ผล เคมีบำบัดก็เป็นวิธีการรักษาอีกแบบหนึ่งที่แพทย์นำมาใช้กับผู้ป่วย
เคมีบำบัด หมายถึงการนำยา,สารเคมีมาใช้เพื่อรักษาโรค หากแปลอย่างตรงตัว คำนี้มาจากสองคำคิอ chemo แปลว่า เคมี,ธาตุหรือสารประกอบทางเคมีภัณฑ์และtherapy แปลว่า การบำบัดรักษา ซึ่งเมื่อรวมกันมีความหมายถึงการบำบัดรักษาโดยยา,เคมีที่มุ่งไปที่โรคมะเร็งเนื้อร้าย การเลือกยา ที่มาใช้ในเคมีบำบัดขึ้นกับปัจจัยหลายอย่าง เช่น ชนิดของมะเร็ง,ระดับการเป็นมะเร็งอยู่ในขั้นใด ร้ายแรงหรือเพิ่งเริ่มต้นและเกิดกับอวัยวะใดของร่างกาย ยาหรือเคมีที่ใช้ ส่วนใหญ่เป็นยาฉีดเข้าเส้นเลือดแต่บางครั้งก็เป็นยารับประทาน ยาที่ใช้ส่วนใหญ่ได้แก่ Cyclophosphamide, Doxorubicin, Epirubicin, Fluorouracil, Methotrexate, Docetaxel, Paclitaxel และVinorelbium กลไกการออกฤทธิ์ของยาก็มีหลายรูปแบบที่พุ่งเป้าไปที่เซลมะเร็งแต่มันก็มีฤทธิ์ทำลายเซลร่างกายปกติด้วยเหมือนกัน และมักจะก่อเกิดอาการไม่พึงประสงค์ทำให้เกิดการเจ็บป่วยตามมา แต่ปัจจุบันมียาใหม่ที่พัฒนาขึ้นมาสามารถฆ่าเซลมะเร็งอย่างมีประสิทธิภาพมีผลต่อเซลปกติของร่างกายน้อย เช่นยา Imatinib การที่จะเลือกว่าจะใช้ยาตัวใดมาใช้เคมีบำบัดแก่ผู้ป่วยต้องอาศัยการตรวจวินิจฉัยและความเชี่ยวชาญของแพทย์ผู้รักษาอย่างมาก โดยเฉพาะกับผู้ป่วยที่มีโรคแทรกซ้อนหลายโรคในเวลาเดียวกัน สำหรับอาการข้างเคียงไม่พึงประสงค์ที่เกิดได้แก่ เบื่ออาหาร , อ่อนเพลื่ย, ภาวะซืด, ท้องเสีย, ผมร่วง, เยื่อช่องปากอักเสบ, ภูมิต้านทานต่ำ, ปลายเส้นประสาทอักเสบ,และมีผลข้างเคียงต่อผิวหนังและเล็บ เรื่องราวเกี่ยวข้องกับเคมีบำบัดยังมีอีกมาก ขอให้ผู้อ่านศึกษาเพิ่มเติมได้ตามข้อมูลที่อื่นๆและที่อ้างอิงตามด้านล่างนี้
๑ Merck Manual of Health and Aging
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น