รอการระเบิด
(โดยการผสมปนไปกับไวรัสไข้หวัดนกมันจะมีศักยภาพแพร่ขจายไปสู่มนุษย์
นักวิจัยจุดประเด็นถกเถียงถึงความจำเป็นที่เข้าถึงความปลอดภัยเป็นทางแก้ไว้ ( จากผู้เขียน
Fred Guterl ))
ลูกไก่ได้ป่วยติดโรคไปแล้วขณะที่
โยชิฮิโร คาวาโอกะ (Yoshihiro
Kawaoka )มาถึงสหรัฐในเดือนสิงหาคม
ค.ศ.1983 เมื่อเดือน เมษายน สองสามเดือนก่อน
ไข้หวักนกระบาดในฟาร์มสัตว์ปีกทางตะวันออกของรัฐเพนน์ซิวาเนีย
พวกมังสะวิรัสพิจารณามันแค่เป็นระดับไม่รุนแรง หมายความว่าแค่ป่วยแต่ไม่ถึงตาย .
ขณะที่เชื้อไวรัสขยายทั่วฟาร์มสัตว์ปีกสายพันธ์ใหม่ก็พัฒนาขึ้น
ไก่เริ่มตายลงเป็นจำนวนมาก ชาวปศุสัตว์ เริ่มวิตกกังวล
รัฐได้ร้องขอทำเรื่องไปถึงกระทรวงเกษตรสหรัฐ
ซึ่งได้จัดตั้งศูนย์สังการและควมคุมชั่วคราวที่ แลงคาสเตอร์ และเพื่อที่จะควมคุม
สัตว์ปีกจำนวน ๑๗ ล้านตัวจากเพนน์ซิวาเนีย ตลอดเวอรจิเนียถูกคัดแยกออก
คาวาโอกะเป็นนักวิจัยหนุ่มจากญี่ปุ่นเริ่มงานที่เซนต์จูดี้
โรงพยาบาลวิจัยเด็กในเมมฟิส หัวหน้าเขาคือ โรเบิต เวปสเตอร์ มีทฤษฏีที่ว่า
ไวรัสไข้หวัดใหญ่ในมนุษย์มีกำเนิดมาจากนก(สัตว์ปีก) พวกไวรัสจะมีวัฏจักร์หมุนเวียนอย่างไม่มีอันตรายในระหว่างเป็ดและห่าน
และทุกครั้งในขณะนั้นจะมีสายพันธ์หนึ่งพัฒนาตัวเองให้อาศัยอยู่ในทางเดินหายใจส่วนบนของมนุษย์ เพื่อที่จะต่อสู้กับไข้หวัดใหญ่คน เวปสเตอร์กล่าวว่า
คุณต้องรู้เข้าใจไข้หวัดนกเสียก่อน ในเดือน พฤศจิกายน
เมื่อเวปสเตอร์ราบข่าวการแพร่ระบาดอย่างหนักเกิดขึ้น เขามุ่งไปที่ศูนย์ควมคุมทันที
คาวาโอกะอยู่เบื้องหลังและเฝ้าดูการแพร่ขยายของโรค
จากส่วนปิดกั้นอากาศในห้องปฏิบัติการจำกัดจุลชีวะของโรงพยาบาลเมมฟิตส์
เขานำตัวอย่างเชื้อจากภาคสนามมาศึกษามาสกัดเอาไวรัสและเพาะเลี้ยงขึ้นมาหลัง
จากนั้น นำเข้าไปสู่ไก่ และกักขังดูอาการ พบว่าไก่ทุกตัวตายหมด
นี่ทำให้เขาลำบากใจเพราะอัตราการตายเป็น ร้อยเปอร์เซนต์
เมื่อนำมาผ่าซากสัตว์ดู เขาพบ
ไวรัสที่เป็นเชื้อโรคชนิดรุนแรงอย่างมาก มันโจมตีและทำร้ายอวัยวะเกือบทุกส่วนคล้ายกับเชื้อบางพันธ์ของเชื้อ
อีโบล่าที่ทำกับมนุษย์
เมื่อวิกฤกการ์ณระบาดผ่านไปหลายเดือน
คาวาโอกะสงสัยว่าทำไมสายพันธุเดือนเมษายน
ถึงได้พัฒนาไปสู๋สายพันธุเดือนพฤศจิกายนได้
เขาตัดสินใจศึกษาเปรียบเทียบทั้งสองชนิด เขาพบในความแตกต่าง มีนัยยะแตกต่างกันเล็กน้อยในเชื้อไวรัส
“ นี่บอกอะไรต่อคุณ” คาวาโอกะพูดกับผู้เขียนในการให้สัมภาษณ์เมื่อปีค.ศ.2010 “
คือว่า ไวรัสอัตรายขั้นสูง จะพัฒนาแปลงสายพันธุเพียงขั้นเดียว และก็บอกคุณว่า
มีแหล่งของเชื้อโรคไวรัสไข้หวัดใหญ่อัตรายขั้นสูงอยู่มากมาย มันทั้งหมดอยู่ในสัตว์ปีก ”
การทดลองนำเขาไปสู่บ้าน?อย่าเร่งรีบสำหรับนักวิทยาศาสตร์ที่พยายามหาว่าไข้หวัดนกสามารถทำให้เกิดอัตรายต่อชีวิตมนุษย์ได้อย่าไร
หนทางที่จะตรวจหาเชื้อเสียก่อนและเตรียมวัคซีนที่มีประสิทธิภาพในการรักษาทำอย่างไร
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เขาต้องการรู้ว่าถ้าไข้หวัดนกชนิดหนึ่งที่เหมือนคล้ายกับเชื้ออีกชนิดหนึ่งที่ระบาดไปทั่วฟาร์มสัตว์ปีกในปีค.ศ.1983 และทำใหคนตายได้จะกลายสภาพเป็นเชื้อโรคคน
และถ้าเป็นไปได้ การลำดับเรียงตัวของสายพันธุกรรมต้องเป็นไปอย่างไร
เกือบสามทศวรรษต่อมา คาวาโอกะ ได้คำตอบ เขานำไข้หวัดนกชนิด H5N1 มาต่อรวมกับชนิด H1N1 ที่ระบาดในปีค.ศ.
2009
หลังจากนั้นก็ลองทดสอบมันกับสัตว์คล้ายพังพอน
(ปกติถือเป็น ตัวแทนรูปแบบของคนในด้านวิจัย
)พบว่ามันสามาถรถแพร่กระจายอย่างง่ายในละอองฝอยในอากาศ ด้วยผลทดลองเ ช่นนี้ แสดงว่าไวรัสไข้หวัดสายพันธ์H5N1สามารถกลายเป็นเชื้ออัตรายต่อมนุษย์ไม่ใช่สมมุติฐานอีกต่อไปแล้ว
ถ้าเขาสร้างได้ในห้องทดลอง
ธรรมชาติก็ให้กำเนิดมันขึ้นมาได้
คาวาโอกะได้เสนอผลวิจัยศึกษากับเจนัล เนเจอร์
(Journal Nature)
ซึ่งได้ส่อต่อไปเพื่อตรวจทบทวน
การปฏิบัติตามมาตราฐาน นักไวรัสวิทยาชื่อ รอน ฟอนเชียร (Ron Fouchier) แห่งศูนย์การแพทย์อีรามูส ใน รอตเตอร์ดัม ในการประกอบไวรัสสายพันธ์
H5N1 อย่างอิสระที่สามารถแพร่สู่คนแล้วนำมาทดลองกับ ferret เขาสรุปในรายงานให้ เจนัล ไซเอนซ (Journal Science) ; ในทัศนะเดียวกันทำเนียบขาวได้รับกระแสรายงานด้วย
ตอนเดือน ธันวาคม ค.ศ. 2011 เจ้าหน้าที่พิทักษ์ความปลอดภัยทางชีวะภาพกดดันให้สิ่งตีพิมพ์ออกกมาช้าลงและพลักดันให้หยุดการวิจัยไว้ชั่วคราว
สิ่งที่ผู้เชี่ยวชาญ
เจ้าหน้าที่พิทักษ์ความปลอดภัยทางชีวะภาพกังวลก็คือ
การที่เชื้อไวรัสทำร้ายกับมนุยษ์ในปีค.ศ. 1983 ได้เช่นเดี่ยวกับไก่ เมื่อเป็นเช่นนั้น
การวิจัยอาจพาไปสู่พิมพ์เขียวของอาวุธชีวภาพได้ หรือบางที
ไวรัสอาจหลบหนีจากห้องปฎิบัติการติดไปกับเจ้าหน้าที่ทีติดเชื้อโดยบังเอิญ
เป็นเวลาหลายเดือนหลังจากเสนองานวิจันนั้น นักวิทยาศาสตร์ได้ถกกันอย่างเปิดเผยและบ่อยครั้งที่รุนแรงต่อกัน
ถกถึงไวรัสชนิดใหม่มีศักยภาพทำอันตรายถึงแก่ชีวิตและชนิดไหนที่ยับยั้งมัน
การปฎิบัติการใด(ทางวิทยาศาสตร์)ที่ประสพความสำเร็จของการไหลข้อมูลและนักวิทยาศาสตร์ที่โน้มเอียงไปตามผู้ที่คิดอยากรู้แปลกๆไม่ว่ามันจะนำไปสู่ความต้องการที่ให้ประชาชนปลอดภัยจากเชื้อก็ได้ถูกถกเถียงพิจารณาถึงอาวุธที่มีศักิยภ่พทำลาลล้างมวลชีวิตมหาศาล
ทุกๆภาคส่วนเสมือนอาวุธนิวเคีลยร์
การคุกคามตามธรรมชาติ
(THE NATURAL
THREAT)
บันทึกครั้งแรกมันเกิดขึ้นอย่างทันที
เชื้อระบาดต่อสัตว์ปีก ในฟาร์มเลี้ยงชนบทตอนเหนือของอิตาลีในปี ค.ศ.1878 มันถูกคิดว่าเป็นพวกเชื้ออหิวาห์ที่อันตรายโดยปี ค.ศ.1901 นักวิทยาศาสตร์จำแนก(ฟันธง)มันว่าเป็นไวรัสชนิดหนึ่งและ ในปี ค.ศ.1955 พวกเขาพบว่ามันเป็นเชื้อไข้หวัดใหญ่ชนิดหนึ่ง คล้ายกับสายพันธ์ที่เกิดกับคน ซึ่งภายหลัง ทำให้
เวปสเตอร์ Webster และพรรคพวก สงสัยว่ามันอาจจะมีความเกี่ยวพันธ์ระหว่างไข้หวัดนกและไข้หวัดใหญ่มนุษย์ ลางสังหรณ์ของเวปสเตอร์ที่ว่านกเป็นแหล่งพักพำนักของเชื้อไวรัสมนุษย์ปัจจุบันถือว่าเป็นปัญญาแบบธรรมดา
นกป่าเป็นพาหะมีเชื้อไวรัสที่อยู่บริเวณ ทางเดินอาหารโดยตัวมันเองไม่มีอันตรายและปล่อยออกสู่ภายนอกโดยอุจจาระของมัน
ถ้า เชื้อของนกป่าชนิดหนึ่งไปติดกับไก่ในฟาร์มไก่
ไวรัสอาจมีโอกาสถ่ายเปลี่ยนพันธ์กับเชื้อไวรัสอื่นๆที่อยู่ในหมูและสัตว์อื่นอย่างกว้างขวาง
ความจริงนี้จะเกิดในตลาดซื้อขายของสัตว์เป็นและฟาร์ฒไม่สอาดในจีนและเอเซียตอนใต้
เชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่ขึ้นชื่อในทางไม่ดีที่มีความสามารถปรับเปลื่ยนแปลงกลายพันธุ์และจัดประเภทใหม่
ขอยืมยีนพันธุกรรมจากไวรัสอื่น
ฟาร์มเปิดแห่งหนึ่งจะเป็นเหมือนแหล่งชุมนุมเชื้อนานาพันธุ์ที่สายพันธุแตกต่างกันถูกรวบรวมสารเสมือนยีนพันธุ์กรรมยังกับ
ผู้ประชุมชุมนุมรวบรวมการ์ดนามบัตร
ในอดีตสองสรมทศวรรษที่ผ่านมาผู้เชี่ยวชาญไข้หวัดใหญ่(influenza)มุ่งความกังวลไปยัง สายพันธุ์ H5N1 ที่กระจายอยู่ฟาร์มในทวีปเอเซีย ไวรัสไข้หวัดใหญ่
ชนิด A(Type A) ได้ถูกจัดกลุ่มแยกแยะตาม โปรตีนผิวบน
เฮมากลูตินิน (Hemagglutinin)และนิวรามินนินเดส(Neuraminidase) ใช้ ‘H’และ ‘N’เป็นอักษรบ่งชี้ (ไวรัสระบาดในปี 1983 เป็น H2N2
) ถ้า ไวรัสชนิดใดที่สามารถพูดได้ว่ามีลักษณะเฉพาะของ ไวรัส H5N1 แพร่กระจายแบบไม่หยุดนิ่งและไม่สามารถคราดการ์ณได้
โดยฉับพลัน
ไวรัสถูกคิดว่าไม่มีอันตรายในนกป่า แต่ในปีค.ศ. 2005 เป็ด ห่าน นกนางนวลนกกาน้ำ หลายพันตัวตายในทะเลสาปควิงไฮ ในจีนตอนกลาง
พวกมันถูกฆ่าโดย H5N1 ในทศวรรษที่ผ่านมามันฆ่าชะมดในเวียตนามและเสือในสวนสัตว์ประเทศไทย
มันฆ่าคนได้ด้วย
ระหว่างการระบาดในฟาร์มสัตว์ปีกในเอเซียเมื่อปีค.ศ.1997 เด็กชายอายุสามขวบในฮ่องกงเป็นกรณีแรกที่ทำให้คนตาย
ปลายปีจำนวนคนตายเป็นหกคน เพื่อหาต้นตอของการระบาด
เจ้าหน้าที่ในจีนและประเทศเพื่อนบ้านได้พบการร่วงตายของนกเป็นล้านๆตัวและในปีค.ศ. 2004 ไวรัสยังคงวกกลับไปประเทศไทย เวียตนาม จีน และ อินโดนีเซีย
กล่าวว่าทั้งหมดมีคนตายประมาณ 350 คนจากเชื้อ H5N1ส่วนใหญ่เกิดกับคนที่ใกล็ชิดกับสัตว์ปีก
ตัวเลขคนตายโดยรวมไม่มากแต่ตามข้อมูลขององค์การอนามัยโลกแจ้งอัตราตายไว้เพียง 60% ในทางตรงกันข้าม
ไวรัสไข้หวัดใหญ่ที่ระบาดในปีคศ.1918 ได้ฆ่าผู้คนไปถึง
20 - 50 ล้านคนมีอัตราการเสียชีวิตเพียง2%เท่านั้น ดังนั้น (since)รายงานของ คาวาโอกะและฟลาวเชอร์จึงตกไป
อัตราการเสียชีวิตเนื่องจากเชื้อ H5N1จริงๆจึงเป็นหัวข้อที่ถกเถียงกันอย่างมาก
นักวิจัยอย่างเช่น ปีเตอร์พาเลส (Peter palese)
โปเพสเซอร์โรคติดเชื้อและกรรมการโรงเรียนแพทย์จุลชีว ณ.เมาส์ไซไนล์ ให้ความเห็นในกรณีที่เชื้อไม่รุนแรงระบาดได้ตกสำรวจจึงทำให้ตัวเลขของอัตราตายเสียชีวิตต่ำกว่าความเป็นจริง
กล่าวอีกนัยว่าตัวเลขตกสำรวจ
คาวาโอกะและเฟลาเชอร์ได้รายงานอัตราตายที่ต่ำจากการทดลองกับ
ferrets โดยใช้ไวรัสจากห้องทดลอง
อย่างไรก็ตามอันตรายโดยเฉพาะจากเชื้อไวรัสนี้อาจหรือไม่อาจเกิด แต่ความจริงที่ H5N1มีความสามารถแพร่กระจายไปสู่คนเป็นนับว่าเป็นข่าวร้ายที่เดียว
ในเดือน กันยายน ค.ศ.2001 เชื้อแอนแทร็ก ได้ถูกนำมาเป็นอาวุธอยู่ในลักษณะผงสีขาวส่งไปตามไปรษณีย์สหรัฐอเมริกา
ได้ฆ่าประชาชน ห้าราย
และการถล่มตึกเวลเทรดเซนเตอร์(โดยเครื่องบินพุ่งชน )ทำให้ค่าใช้จ่ายในการป้องกันอาวุธชีวภาพสูงขึ้น
รัฐบาลสหรัฐได้ทุ่มเงิน หกสิบพันล้านเหรียญ ในการสต็อควัคซีนป้องกัน วิจัยค้นหาโรค
และวิจัยพื้นฐานของสิ่งที่มีศักยภาพทำอาวุธชีวภาพอย่างเช่น เชื้อไข้หวัใหญ่
สถาบันแห่งชาติว่าด้วยเรื่องโรคและภูมิแพ้ (NIAID) แหล่งทุนหลักของสหรัฐขยายงบประมาณเกือบสามเท่าในการวิจัยเชื้อไข้หวัดใหญ่ในปี
ค.ศ.2003 จาก17 ล้านเหรียญไปถึง 50 ล้านเหรียญและเพิ่มเป็น 100 ล้านในปีค.ศ. 2004 ในปีค.ศ.2009 แหล่งทุนสูงถึง 300ล้านเหรียญและลดลงมาเล็กน้อย
คาวาโอกะก็ได้ทุนนั้นด้วย ตั้งแต่ปีค.ศ. 2006 เขาได้รับเกือบ 500,000 เหรียญสหรัฐต่อปีจาก
สถาบันแห่งชาติว่าด้วยเรื่องโรคและภูมิแพ้
(NIAID) ในการวิจัยว่าด้วยโอกาศเกิดการแพร่ระบาดเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่ H5N1
และตามที่หน้าเว็ปไซค์สถาบันสาธารณสุขแห่งชาติ ฟลาวเชอร์ได้รับเงินทุนจากจาก Palese’s
group at Mount Sinai ซึ่งรับช่วงงานต่อจากสถาบันแห่งชาติว่าด้วยเรื่องโรคและภูมิแพ้
ห้องปฏิบัติการของฟลาวเชอร์ทำให้ ชนิด H5N1 กลายพันธุ์และถ่ายทอดได้แล้วนำไปสุ่ ferretsจนสามารถแพร่กระจายไปในละอองอากาศ
ศูนย๋กลางป้องกันและควบคุมโรคได้ตั้งกลุ่มศึกษาวิจัยการแพร่กระจาย H5N1 มันด้วย แต่ไม่ประสพความสำเร็จเท่ากับ
กลุ่มของ คาวาโอกะและของฟลาวเชอร์
อาวุธ
หลายปีหลังหตุการ์ณ9กันยาทมิฬ
มีการเพ่งเล็งว่าเชื้อไข้ฝีดาษจะถูกใช้เป็นอาวุธชีวภาพจึงบดบังความกังวลไข้วัดใหญ่
ความรุนแรงของไวรัสที่เป็นเหตุให้ไข้ฝีดาษฆ่าคนได้หนึ่งในสามที่ติดเชื้อและคงอยู่ในตัวพาหะได้หลายปี
มันถูกประกาศเปิดเผยแลกำจัดให้หมดสิ้นในปีค.ศ.1979 แม้ว่าจะมีเพียงตัวอย่างเชื้อสองรายการถูกเก็บไว้อย่างเป็นทางการที่
แอตแลนต้าและที่โคซาโว
รัสเซียก็ดีแต่ยังคงมีข่าวลือว่ายังมีตกค้างหลงเหลือเป็นตัวอย่างที่ผิดกฏหมาย
เพื่อสนองต่อความกลัวต่อการก่อการร้าย สหรัฐได้สะสมวัคซีนแก้ข้ทรพิษเตรียมไว้ถึง
สามแสนโด๊ส ตอนนี้เก็บไว้ในคลังทั่วประเทศ
เชื้อไข้หวัดใหญ่ได้ทำตัวมันเองเข้าสู่กำหนดการการประชุมเรื่องอาวุธชีวภาพในปีค.ศ.
2005 แต่วงการรักษาความปลอดภัยทางชีวภาพก็ปล่อยผ่านมันไป
นักวิทยาศาสตร์ได้ประสพความสำเร็จสร้างใหม่ เชื้อไวรัสฟลูที่เกิดการระบาดในปีค.ศ.1918 โดยนำมาจากตัวอย่างเนื้อเยื้อคนที่ถูกแช่แข็งในแถบน้ำแข็งเขตอาร์ติก
หน่วยงาน NSABB(The
National Science Advisory Board for Biosecurity) ได้ตัดสินว่าประโยชน์ต่อวงการวิทยาศาสตร์และสาธารณสุขจะต้องมีน้ำหนักเหนือความเสี่ยงต่อความปลอดภัย
กรรมการ NSABB พอล ไคม Paul Keim กล่าวว่าเป็น
การตัดสินใจที่ผิด การระบาดของไวรัสชนิด H1N1 ที่มีอัตรายน้อยถูกนำมาถกเถียงให้ใช้เป็นส่วหนึ่งของภูมิต้านทานของเชื้อไวรัสปีค.ศ.1918 เนื่องจากว่า H5N1 ได้เป็นที่รู้จักของระบบภูมิคุ้มกันของมนุษย์แล้ว
ไม่มีภูมิคุ้มกันตามธรรมชาติ
ปัจจุบันผู้เชี่ยวชาญด้านป้องกันบางท่านได้พิจารณาผลทางห้องทดลองที่ทำกับ H5N1 ของ คาวาโอกะและฟลาชเลอร์ที่มีอันตรายมากกว่าเชื้อไข้ทรพิษ
มีการจำแนกแยกกลุ่มได้มากกว่าเชื้อไข้ทรพิษและขยายแพร่สู่มนุษย์ได้เร็วกว่าด้วยทำให้เจ้าหน้าที่มีเวลาน้อยในการคิดสร้างวัคซีนต้าน
“ ไข้หวัดใหญ่เป็น ราชสีห์แห่งการแพร่พันธุ์ ” เป็นคำกล่าวของ ไมเคล ออสเตอร์โฮม Michael Osterholm ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยโรคติดเชื้อและนโยบายแห่งมหาวิทยาลัยมินิโซต้าและโฆษกของ NSABB
การระบาดแพร่สู่มนุษย์ด้วยอัตราการตายสูงถึงร้อยละ60 ที่ได้จากการศึกษาผู้ป่วยไข้หวัดนก
ในฐานะที่ออสเตอร์โฮมได้ชี้ให้เห็นแม้แต่การระบาดเพียงหนึ่งในยี่สิบ
มันก็ให้เกิดการล้มตายมากกว่าไวรัสที่ระบาดในปีค.ศ.1918 NSABB เรียกขอเอกสารรายงานของคาวาโอกะและฟลาชเลอร์ในเดือนธันวาคมและพิมพ์เผยในเดือน มีนาคม
มีการตกลงทั่วไปในคณะกรรมการควบคุมความปลอดภัยทางชีวะ ว่า
ไข้หวัดนกหรือที่ชนิดเจาะจง H5N1 ที่สร้างขึ้นในห้องปฏิบัติการและสามารถถายทอดได้ในสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมนั้น
เป็น อาวุธชีวภาพที่มีประสิทธิภาพ
เช่นเดี่ยวกับเชื้อไข้ทรพิษ จำต้องได้รับการจัดการบริหาร
“ มันเป็นจริงอย่างมากที่เมื่อมีไวรัสชนิดนี้ก็จะก่อเกิดความเสี่นง
” ริดชาร์ด เฮช
อีไบร์กล่าวผู้เชี่ยวชาญการป้องกันชีวภาพและนักชีวเคมีแห่งมหาวิทยาลัยรูทเกอร์(Rutgers University)
“ มันมีความเสี่ยงเกิดอุบัติเหตุรั่วไหลออกมาและสร้างโอกาสให้ใครบางคนนำไปใช้เป็นอาวุธชีวภาพ
” เขากล่าว
อะไรก็ตามที่รุกเร้าผู้เชี่ยวชาญด้านป้องกันและนักวิทยาศาสตร์ด้วย
ก็คือ ขบวนการค้นคว้าวิจัยที่ไม่ได้วิเคราะประเมินถึงผลได้และความเสี่งไว้ล่วงหน้า
คณะกรรมการ NSABB ให้คำแนะนำโดยปราศจากการตอบสนองต่อภาพรวมทั้งหมด
พวกเขาได้เข้ามาเกี่ยวข้องภายหลังที่มีแรงกระตุ้นจากทำเนียบขาว ในปี 2007 จอนห์
สไตนบรูเนอร์และผู้ร่วมงานแห่งศูนย์ศึกษาความปลอดภัยระหว่างชาติ
เมืองแมรี่แลนด์เขียนรายงานให้คำแนะนำว่า “ ข้อจำกัดบางประการบนพื้นฐานเสรีภาพการกระทำ
ณ.ระดับการวิจัยขั้นพื้นฐานที่ซึ่งสถาบันที่ปกครองตนเองโดยลำพังได้กลายเป็นคุณค่าสูงส่งแบบดั้งเดิม(โบราณ)
สำหรับเหตุผลที่ดีที่สุด ” รายงานของคาวาโอกะและฟอนเชียร ถูกเมินเฉยอย่างมาก
อย่างไรก็ดีรัฐบาลสหรัฐได้เรียกหน่ยงานเกี่ยวกับงบประมาณเพื่อสร้างตั้งงบการวิจัยที่เกี่ยวข้องกับไวรัส
H5N1และไวรัสไข้หวัดฟลูปีค,ศ,1918
สไตนบรูเนอร์
และนักวิจัยอื่นๆ ให้การแนะนำต่อกลุ่มตรวจสอบระหว่างประเทศให้มีอำนาจกำหนดผู้มีอำนาจวางแนวการวิจัยขอบเขตถึงศักยภาพที่ก่อเกิดอันตายและเฝ้าติดตามมัน ให้เข้มงวดเทียบเท่ากับองค์การอนามัยโลกปฏิบัติในกรณีของไข้ทรพิษ
“ มันไม่ใช่การป้องกันแบบจำกัดหรือกักบริเวณอากาศ
แต่เป็นการตั้งบมาตราฐานของที่ไม่มีใครสามารถออกนอกไปทำการทดลองส่วนตัวลำพังเหล่านั้น
”สไตนบรูเนอร์เน้น
ไวรัส H5N1 กลายพันธ์ แพร่ไปท่ามกลางสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม “
เป็นชิ้นวัตถุสำคัญของการทำลายล้างมวลมนุษย์นำไปสู่เครื่อข่ายอาวุธนิวเคียร์และอาจนำหน้าเกินได้ ”เขาเสริม “ มันเป็นเชื้ออันตราย
ไม่ไช่เป็นเรื่องของเพียงนักวิทยาศาสตร์ที่จะระมัดระวังโดยส่วนตัวเท่านั้น
มันจะต้องรวมไปถึงความปลอดภัยของขบวนการวิจัยของสถาบันด้วย ”
แล้วข้อกำหนดของขบวนการเป็นอย่างไร
เทคโนโลยีอาวุธนิวเคลียร์เป็นเรื่องของทางการทหาร
หมายความว่าการวิจัยบางครั้งกระทำอย่างปกปิดได้ แต่นี่ไม่เหมือนอาวุธนิวเคลียร์
เชื้อไข้หวัดใหญ่เป็นเรื่องเกี่ยวกับการสาธารณสุขทั่วโลก
การแยกแยะแนวทางวิจัยศึกษาH5N1
จะทิ้งภาระให้นักวิทยาศาสตร์และเจ้าหน้าที่สาธารณสุขอยู่ในความมืดเกี่ยวกับการคุกคามวงการสาธารณสุขอันใหญ่หลวง
ในทางกลับกันผู้เชี่ยวชาญด้านความปลอดภัยได้ถกเถียงถึงข้อจำกัดในการทดลองวิจัยกับที่เชื้อปลอดภัยที่สุดแพร่ไปสู่สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมขณะนี้ปลอดภัยมากกว่าตอนที่คาวาโอกะและเฟลาเชอร์ทดลอง ข้อจำกัดเหล่านั้นจะทำให้ผลงานการวิจัยไม่ไปถึงนักวิทยาศาสตร์อีกหลายคน
นักวิจัยหลายท่านได้ผ่านเลยการป้องกันของพวกเขาดังที่งานของคาวาโอกะและเฟลาเชอร์ได้ทำไว้
บนพื้นฐานที่ว่า ยิ่งเรารู้มากเท่าไหรเกี่ยวกับ H5N1 เราก็สามารถป้องกันตัวเราเอง
จากการคุกคามของมันตามธรรมชาติ
ศาสตร์ การถกเถียง
ได้เจริญพัฒนาไปได้ดีที่สุดเมื่อกิจกรรมการวิจัยไม่ถูกล่ามไว้
การทำให้กระจ่างลึกลงไปถึงส่วประกอบของยืนพันธุกรรมมีความจำเป็นต้องพูดคุยถึงคุณสมบัติการทำอันตรายถึงตาย
และความสารถในการแพร่กระจายของเชื้อ H5N1 จะอนุญาติให้ผู้เชี่ยวชาญคอยเฝ้าติดตามอันตรายที่เกิดจาดสายพันธุ์ใหม่ที่เข้าแฝงในสัตว์ป่า
เพื่อเตรียมรับสถานการณ์ในข้างหน้า ครั้นเมื่อไวรัสไข้หวัดที่เกิดในคนอุบัติขึ้นและเริ่มแพร่กระจาย
มันสายเกินไปที่จะหยุดการระบาดในช่วงแรก การผลิตวัคซีนอย่างจริงจังใช้เวลาถึง
หกเดือนหรือมากกว่าถึงจะเสร็จสมบรูณ์ โดนช่วงเวลากระทันหันเมื่อ ไวรัส H1N1
ปรากฏเป็นที่สนใจของเจ้าหน้าที่สาธารณสุขในเดือนเมษายน ค.ศ.2009 มันแพร่ระบาดอย่างกว้างขวางในเม็กซิโกและสหรัฐอเมริกาและกระจายแพร่ขยายไปตามวิถีของมัน
ยิ่งไปกว่านั้น
องค์ประกอบพันธุกรรมตัวหนึ่งที่คาวาโอกะบ่งชี้ให้ความเห็นถึงการถ่ายเทในไวรัสชนิด H5N1 ได้ถูกเฝ้าดูในไวรัสชนิดที่อยู่ตามธรรมชาติด้วย
นี่เสนอแนะ ว่า วงล้อการเดิมพันปั่นหมุนเรียบร้อยแล้ว “ เพราะว่าการกลายพันธุ์ H5N1ที่ได้ปรึกษาถกเถียงกันว่ามันแพร่ในคนได้นั้นอาจแฝงอยู่ตามธรรมชาติ
ผมเชื่อว่ามันไม่อาจตอบสนองต่อ ไม่เฉพาะแค่การศึกษาขีดเส้นแค่กลไกเท่านั้น ”
คาวาโอกะเขียนลาวรสาร เนเจอร์ เขาปฏิเสธิที่จะให้สัมภาษณ์หัวข้อนี้
และฟลาวเชียรก็ปกป้องทำนองเดียวกัน
การมีข้อมูลรายละเอียดศักยภาพของไวรัสไข้หวัดที่ให้ผลถึงตายนี้
มีประโยชน์น้อยมาก อย่างไรก็ตาม การปราศจากเงินทุน
เครื่อข่ายและการเข้าถึงฟาร์มสัตว์ได้ ระหว่างการระบาด H5N1 นักไวรัสวิทยาเริ่มเฝ้าติดตามตลาดสัตว์มีชีวิตในประเทศจีนตอนใต้
แต่ก็ไม่เคยมีการตรวจวัดหาใดๆที่จีนหรือทางเอเซียตะวันออกเฉียงใต้
ในสหรัฐฟาร์มปศุสัตว์มักจะมีตราประทับของเจ้าหน้าที่สาธารณสุขจากการตรวจที่หมู
แม้ว่าตัวตั้งต้นของการระบาดเชื้อ H1N1 2009 ได้ถูกขจัดออกนอกฟาร์มหมูของสหรัฐหลายปีก่อนเกิดเหตุที่เม็กซิโก
ลำพังการตรวจตราอาจจะไม่ดีพอสำหรับป้องกันการแพร่ระบาดในคนภายภาคหน้า “
เราควรจะเตรียมตัวณ.บัดนี้ดีกว่าที่เคยพบกับการระบาดของH1N1 ”
แนนซี่ ค๊อก
ผู้อำนวยการกองเชื้อไข้หวัดอินฟ,เอนซ่าแห่ง CDC กล่าว
“
แต่โลกก็ไม่ได้เตรียมตัวสำหรับเหตุฉุกเฉิน
ที่จะเกิดการระบาดรุ่นแรงด้วยเชื้อไข้หวัดที่ระบาดได้อย่างกว้างขวางและก่ออันตรายมากในคน
โดนสัตย์จริงแล้ว ฉันไม่คิดว่ามันจะเกิดขึ้นกับโลก เว้นแต่ว่า เราจะมีวัคซีนชนิดครอบจักรวาลที่สามารถป้องกันได้ทุกชนิดทุกสายพันธุ์
”
วัคซีนครอบจักรวาล(ปัจจุบัน)ไม่อยู่ในวิสัยให้เห็น
มันทิ้งให้เราอยู่ในสภาวะที่อิดอัดที่ได้มาองค์ความรู้มากมายและเล็กน้อยเกินไป
แปลและเรียบเรียงจาก " Waiting to Explode" Scientific American Mag June,2012
แปลและเรียบเรียงจาก " Waiting to Explode" Scientific American Mag June,2012
ลำดับเหตุการ์ณสำคัญเกี่ยวกับเชื้อไวรัสไข้หวัดนก
|
------------------------------------------------------------------------------------
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น