จำนวนการดูหน้าเว็บรวม

วันพฤหัสบดีที่ 13 มีนาคม พ.ศ. 2557

เรื่องแปล รอการระเบิด วิชาการ การแพทย์


รอการระเบิด  

 (โดยการผสมปนไปกับไวรัสไข้หวัดนกมันจะมีศักยภาพแพร่ขจายไปสู่มนุษย์ นักวิจัยจุดประเด็นถกเถียงถึงความจำเป็นที่เข้าถึงความปลอดภัยเป็นทางแก้ไว้ ( จากผู้เขียน  Fred Guterl ))

 

                 ลูกไก่ได้ป่วยติดโรคไปแล้วขณะที่ โยชิฮิโร คาวาโอกะ (Yoshihiro Kawaoka )มาถึงสหรัฐในเดือนสิงหาคม ค.ศ.1983 เมื่อเดือน เมษายน สองสามเดือนก่อน ไข้หวักนกระบาดในฟาร์มสัตว์ปีกทางตะวันออกของรัฐเพนน์ซิวาเนีย พวกมังสะวิรัสพิจารณามันแค่เป็นระดับไม่รุนแรง หมายความว่าแค่ป่วยแต่ไม่ถึงตาย . ขณะที่เชื้อไวรัสขยายทั่วฟาร์มสัตว์ปีกสายพันธ์ใหม่ก็พัฒนาขึ้น ไก่เริ่มตายลงเป็นจำนวนมาก ชาวปศุสัตว์ เริ่มวิตกกังวล รัฐได้ร้องขอทำเรื่องไปถึงกระทรวงเกษตรสหรัฐ ซึ่งได้จัดตั้งศูนย์สังการและควมคุมชั่วคราวที่ แลงคาสเตอร์ และเพื่อที่จะควมคุม สัตว์ปีกจำนวน ๑๗ ล้านตัวจากเพนน์ซิวาเนีย ตลอดเวอรจิเนียถูกคัดแยกออก

                 คาวาโอกะเป็นนักวิจัยหนุ่มจากญี่ปุ่นเริ่มงานที่เซนต์จูดี้ โรงพยาบาลวิจัยเด็กในเมมฟิส หัวหน้าเขาคือ โรเบิต เวปสเตอร์ มีทฤษฏีที่ว่า ไวรัสไข้หวัดใหญ่ในมนุษย์มีกำเนิดมาจากนก(สัตว์ปีก) พวกไวรัสจะมีวัฏจักร์หมุนเวียนอย่างไม่มีอันตรายในระหว่างเป็ดและห่าน และทุกครั้งในขณะนั้นจะมีสายพันธ์หนึ่งพัฒนาตัวเองให้อาศัยอยู่ในทางเดินหายใจส่วนบนของมนุษย์   เพื่อที่จะต่อสู้กับไข้หวัดใหญ่คน  เวปสเตอร์กล่าวว่า  คุณต้องรู้เข้าใจไข้หวัดนกเสียก่อน ในเดือน พฤศจิกายน เมื่อเวปสเตอร์ราบข่าวการแพร่ระบาดอย่างหนักเกิดขึ้น เขามุ่งไปที่ศูนย์ควมคุมทันที

                 คาวาโอกะอยู่เบื้องหลังและเฝ้าดูการแพร่ขยายของโรค จากส่วนปิดกั้นอากาศในห้องปฏิบัติการจำกัดจุลชีวะของโรงพยาบาลเมมฟิตส์ เขานำตัวอย่างเชื้อจากภาคสนามมาศึกษามาสกัดเอาไวรัสและเพาะเลี้ยงขึ้นมาหลัง จากนั้น นำเข้าไปสู่ไก่ และกักขังดูอาการ พบว่าไก่ทุกตัวตายหมด นี่ทำให้เขาลำบากใจเพราะอัตราการตายเป็น ร้อยเปอร์เซนต์ เมื่อนำมาผ่าซากสัตว์ดู  เขาพบ ไวรัสที่เป็นเชื้อโรคชนิดรุนแรงอย่างมาก มันโจมตีและทำร้ายอวัยวะเกือบทุกส่วนคล้ายกับเชื้อบางพันธ์ของเชื้อ อีโบล่าที่ทำกับมนุษย์

         เมื่อวิกฤกการ์ณระบาดผ่านไปหลายเดือน คาวาโอกะสงสัยว่าทำไมสายพันธุเดือนเมษายน ถึงได้พัฒนาไปสู๋สายพันธุเดือนพฤศจิกายนได้ เขาตัดสินใจศึกษาเปรียบเทียบทั้งสองชนิด เขาพบในความแตกต่าง มีนัยยะแตกต่างกันเล็กน้อยในเชื้อไวรัส “ นี่บอกอะไรต่อคุณ” คาวาโอกะพูดกับผู้เขียนในการให้สัมภาษณ์เมื่อปีค.ศ.2010 “ คือว่า ไวรัสอัตรายขั้นสูง จะพัฒนาแปลงสายพันธุเพียงขั้นเดียว  และก็บอกคุณว่า มีแหล่งของเชื้อโรคไวรัสไข้หวัดใหญ่อัตรายขั้นสูงอยู่มากมาย  มันทั้งหมดอยู่ในสัตว์ปีก ”

       การทดลองนำเขาไปสู่บ้าน?อย่าเร่งรีบสำหรับนักวิทยาศาสตร์ที่พยายามหาว่าไข้หวัดนกสามารถทำให้เกิดอัตรายต่อชีวิตมนุษย์ได้อย่าไร หนทางที่จะตรวจหาเชื้อเสียก่อนและเตรียมวัคซีนที่มีประสิทธิภาพในการรักษาทำอย่างไร โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เขาต้องการรู้ว่าถ้าไข้หวัดนกชนิดหนึ่งที่เหมือนคล้ายกับเชื้ออีกชนิดหนึ่งที่ระบาดไปทั่วฟาร์มสัตว์ปีกในปีค.ศ.1983 และทำใหคนตายได้จะกลายสภาพเป็นเชื้อโรคคน และถ้าเป็นไปได้ การลำดับเรียงตัวของสายพันธุกรรมต้องเป็นไปอย่างไร

        เกือบสามทศวรรษต่อมา คาวาโอกะ ได้คำตอบ เขานำไข้หวัดนกชนิด  H5N1 มาต่อรวมกับชนิด H1N1 ที่ระบาดในปีค.ศ. 2009  หลังจากนั้นก็ลองทดสอบมันกับสัตว์คล้ายพังพอน (ปกติถือเป็น ตัวแทนรูปแบบของคนในด้านวิจัย )พบว่ามันสามาถรถแพร่กระจายอย่างง่ายในละอองฝอยในอากาศ    ด้วยผลทดลองเ ช่นนี้ แสดงว่าไวรัสไข้หวัดสายพันธ์H5N1สามารถกลายเป็นเชื้ออัตรายต่อมนุษย์ไม่ใช่สมมุติฐานอีกต่อไปแล้ว   ถ้าเขาสร้างได้ในห้องทดลอง  ธรรมชาติก็ให้กำเนิดมันขึ้นมาได้

         คาวาโอกะได้เสนอผลวิจัยศึกษากับเจนัล เนเจอร์ (Journal Nature) ซึ่งได้ส่อต่อไปเพื่อตรวจทบทวน การปฏิบัติตามมาตราฐาน นักไวรัสวิทยาชื่อ รอน ฟอนเชียร (Ron Fouchier) แห่งศูนย์การแพทย์อีรามูส ใน รอตเตอร์ดัม ในการประกอบไวรัสสายพันธ์ H5N1   อย่างอิสระที่สามารถแพร่สู่คนแล้วนำมาทดลองกับ ferret เขาสรุปในรายงานให้ เจนัล ไซเอนซ (Journal Science) ; ในทัศนะเดียวกันทำเนียบขาวได้รับกระแสรายงานด้วย ตอนเดือน ธันวาคม ค.ศ. 2011 เจ้าหน้าที่พิทักษ์ความปลอดภัยทางชีวะภาพกดดันให้สิ่งตีพิมพ์ออกกมาช้าลงและพลักดันให้หยุดการวิจัยไว้ชั่วคราว

สิ่งที่ผู้เชี่ยวชาญ เจ้าหน้าที่พิทักษ์ความปลอดภัยทางชีวะภาพกังวลก็คือ การที่เชื้อไวรัสทำร้ายกับมนุยษ์ในปีค.ศ. 1983 ได้เช่นเดี่ยวกับไก่ เมื่อเป็นเช่นนั้น การวิจัยอาจพาไปสู่พิมพ์เขียวของอาวุธชีวภาพได้ หรือบางที ไวรัสอาจหลบหนีจากห้องปฎิบัติการติดไปกับเจ้าหน้าที่ทีติดเชื้อโดยบังเอิญ เป็นเวลาหลายเดือนหลังจากเสนองานวิจันนั้น นักวิทยาศาสตร์ได้ถกกันอย่างเปิดเผยและบ่อยครั้งที่รุนแรงต่อกัน ถกถึงไวรัสชนิดใหม่มีศักยภาพทำอันตรายถึงแก่ชีวิตและชนิดไหนที่ยับยั้งมัน การปฎิบัติการใด(ทางวิทยาศาสตร์)ที่ประสพความสำเร็จของการไหลข้อมูลและนักวิทยาศาสตร์ที่โน้มเอียงไปตามผู้ที่คิดอยากรู้แปลกๆไม่ว่ามันจะนำไปสู่ความต้องการที่ให้ประชาชนปลอดภัยจากเชื้อก็ได้ถูกถกเถียงพิจารณาถึงอาวุธที่มีศักิยภ่พทำลาลล้างมวลชีวิตมหาศาล ทุกๆภาคส่วนเสมือนอาวุธนิวเคีลยร์

การคุกคามตามธรรมชาติ (THE NATURAL THREAT)

บันทึกครั้งแรกมันเกิดขึ้นอย่างทันที เชื้อระบาดต่อสัตว์ปีก ในฟาร์มเลี้ยงชนบทตอนเหนือของอิตาลีในปี ค.ศ.1878 มันถูกคิดว่าเป็นพวกเชื้ออหิวาห์ที่อันตรายโดยปี ค.ศ.1901 นักวิทยาศาสตร์จำแนก(ฟันธง)มันว่าเป็นไวรัสชนิดหนึ่งและ ในปี ค.ศ.1955 พวกเขาพบว่ามันเป็นเชื้อไข้หวัดใหญ่ชนิดหนึ่ง คล้ายกับสายพันธ์ที่เกิดกับคน ซึ่งภายหลัง ทำให้ เวปสเตอร์ Webster และพรรคพวก สงสัยว่ามันอาจจะมีความเกี่ยวพันธ์ระหว่างไข้หวัดนกและไข้หวัดใหญ่มนุษย์ ลางสังหรณ์ของเวปสเตอร์ที่ว่านกเป็นแหล่งพักพำนักของเชื้อไวรัสมนุษย์ปัจจุบันถือว่าเป็นปัญญาแบบธรรมดา นกป่าเป็นพาหะมีเชื้อไวรัสที่อยู่บริเวณ ทางเดินอาหารโดยตัวมันเองไม่มีอันตรายและปล่อยออกสู่ภายนอกโดยอุจจาระของมัน ถ้า เชื้อของนกป่าชนิดหนึ่งไปติดกับไก่ในฟาร์มไก่ ไวรัสอาจมีโอกาสถ่ายเปลี่ยนพันธ์กับเชื้อไวรัสอื่นๆที่อยู่ในหมูและสัตว์อื่นอย่างกว้างขวาง ความจริงนี้จะเกิดในตลาดซื้อขายของสัตว์เป็นและฟาร์ฒไม่สอาดในจีนและเอเซียตอนใต้ เชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่ขึ้นชื่อในทางไม่ดีที่มีความสามารถปรับเปลื่ยนแปลงกลายพันธุ์และจัดประเภทใหม่ ขอยืมยีนพันธุกรรมจากไวรัสอื่น  ฟาร์มเปิดแห่งหนึ่งจะเป็นเหมือนแหล่งชุมนุมเชื้อนานาพันธุ์ที่สายพันธุแตกต่างกันถูกรวบรวมสารเสมือนยีนพันธุ์กรรมยังกับ ผู้ประชุมชุมนุมรวบรวมการ์ดนามบัตร

     ในอดีตสองสรมทศวรรษที่ผ่านมาผู้เชี่ยวชาญไข้หวัดใหญ่(influenza)มุ่งความกังวลไปยัง สายพันธุ์ H5N1 ที่กระจายอยู่ฟาร์มในทวีปเอเซีย ไวรัสไข้หวัดใหญ่ ชนิด A(Type A) ได้ถูกจัดกลุ่มแยกแยะตาม โปรตีนผิวบน เฮมากลูตินิน (Hemagglutinin)และนิวรามินนินเดส(Neuraminidase)  ใช้ ‘H’และ ‘N’เป็นอักษรบ่งชี้ (ไวรัสระบาดในปี 1983  เป็น H2N2 )  ถ้า ไวรัสชนิดใดที่สามารถพูดได้ว่ามีลักษณะเฉพาะของ ไวรัส H5N1 แพร่กระจายแบบไม่หยุดนิ่งและไม่สามารถคราดการ์ณได้ โดยฉับพลัน   ไวรัสถูกคิดว่าไม่มีอันตรายในนกป่า แต่ในปีค.ศ. 2005 เป็ด ห่าน นกนางนวลนกกาน้ำ หลายพันตัวตายในทะเลสาปควิงไฮ ในจีนตอนกลาง พวกมันถูกฆ่าโดย H5N1 ในทศวรรษที่ผ่านมามันฆ่าชะมดในเวียตนามและเสือในสวนสัตว์ประเทศไทย

                    มันฆ่าคนได้ด้วย ระหว่างการระบาดในฟาร์มสัตว์ปีกในเอเซียเมื่อปีค.ศ.1997 เด็กชายอายุสามขวบในฮ่องกงเป็นกรณีแรกที่ทำให้คนตาย ปลายปีจำนวนคนตายเป็นหกคน เพื่อหาต้นตอของการระบาด เจ้าหน้าที่ในจีนและประเทศเพื่อนบ้านได้พบการร่วงตายของนกเป็นล้านๆตัวและในปีค.ศ. 2004 ไวรัสยังคงวกกลับไปประเทศไทย เวียตนาม จีน และ อินโดนีเซีย

               กล่าวว่าทั้งหมดมีคนตายประมาณ 350 คนจากเชื้อ H5N1ส่วนใหญ่เกิดกับคนที่ใกล็ชิดกับสัตว์ปีก ตัวเลขคนตายโดยรวมไม่มากแต่ตามข้อมูลขององค์การอนามัยโลกแจ้งอัตราตายไว้เพียง 60% ในทางตรงกันข้าม ไวรัสไข้หวัดใหญ่ที่ระบาดในปีคศ.1918 ได้ฆ่าผู้คนไปถึง 20 - 50 ล้านคนมีอัตราการเสียชีวิตเพียง2%เท่านั้น ดังนั้น (since)รายงานของ คาวาโอกะและฟลาวเชอร์จึงตกไป อัตราการเสียชีวิตเนื่องจากเชื้อ H5N1จริงๆจึงเป็นหัวข้อที่ถกเถียงกันอย่างมาก นักวิจัยอย่างเช่น ปีเตอร์พาเลส (Peter palese) โปเพสเซอร์โรคติดเชื้อและกรรมการโรงเรียนแพทย์จุลชีว ณ.เมาส์ไซไนล์  ให้ความเห็นในกรณีที่เชื้อไม่รุนแรงระบาดได้ตกสำรวจจึงทำให้ตัวเลขของอัตราตายเสียชีวิตต่ำกว่าความเป็นจริง กล่าวอีกนัยว่าตัวเลขตกสำรวจ

คาวาโอกะและเฟลาเชอร์ได้รายงานอัตราตายที่ต่ำจากการทดลองกับ ferrets โดยใช้ไวรัสจากห้องทดลอง อย่างไรก็ตามอันตรายโดยเฉพาะจากเชื้อไวรัสนี้อาจหรือไม่อาจเกิด แต่ความจริงที่ H5N1มีความสามารถแพร่กระจายไปสู่คนเป็นนับว่าเป็นข่าวร้ายที่เดียว

              ในเดือน กันยายน ค.ศ.2001 เชื้อแอนแทร็ก ได้ถูกนำมาเป็นอาวุธอยู่ในลักษณะผงสีขาวส่งไปตามไปรษณีย์สหรัฐอเมริกา ได้ฆ่าประชาชน ห้าราย และการถล่มตึกเวลเทรดเซนเตอร์(โดยเครื่องบินพุ่งชน )ทำให้ค่าใช้จ่ายในการป้องกันอาวุธชีวภาพสูงขึ้น รัฐบาลสหรัฐได้ทุ่มเงิน หกสิบพันล้านเหรียญ ในการสต็อควัคซีนป้องกัน วิจัยค้นหาโรค และวิจัยพื้นฐานของสิ่งที่มีศักยภาพทำอาวุธชีวภาพอย่างเช่น เชื้อไข้หวัใหญ่ สถาบันแห่งชาติว่าด้วยเรื่องโรคและภูมิแพ้ (NIAID) แหล่งทุนหลักของสหรัฐขยายงบประมาณเกือบสามเท่าในการวิจัยเชื้อไข้หวัดใหญ่ในปี ค.ศ.2003 จาก17 ล้านเหรียญไปถึง 50 ล้านเหรียญและเพิ่มเป็น 100 ล้านในปีค.ศ. 2004 ในปีค.ศ.2009 แหล่งทุนสูงถึง 300ล้านเหรียญและลดลงมาเล็กน้อย คาวาโอกะก็ได้ทุนนั้นด้วย ตั้งแต่ปีค.ศ. 2006 เขาได้รับเกือบ 500,000 เหรียญสหรัฐต่อปีจาก สถาบันแห่งชาติว่าด้วยเรื่องโรคและภูมิแพ้ (NIAID) ในการวิจัยว่าด้วยโอกาศเกิดการแพร่ระบาดเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่ H5N1 และตามที่หน้าเว็ปไซค์สถาบันสาธารณสุขแห่งชาติ ฟลาวเชอร์ได้รับเงินทุนจากจาก Palese’s group at Mount Sinai ซึ่งรับช่วงงานต่อจากสถาบันแห่งชาติว่าด้วยเรื่องโรคและภูมิแพ้ ห้องปฏิบัติการของฟลาวเชอร์ทำให้ ชนิด H5N1 กลายพันธุ์และถ่ายทอดได้แล้วนำไปสุ่ ferretsจนสามารถแพร่กระจายไปในละอองอากาศ ศูนย๋กลางป้องกันและควบคุมโรคได้ตั้งกลุ่มศึกษาวิจัยการแพร่กระจาย H5N1 มันด้วย แต่ไม่ประสพความสำเร็จเท่ากับ กลุ่มของ คาวาโอกะและของฟลาวเชอร์

อาวุธ

หลายปีหลังหตุการ์ณ9กันยาทมิฬ มีการเพ่งเล็งว่าเชื้อไข้ฝีดาษจะถูกใช้เป็นอาวุธชีวภาพจึงบดบังความกังวลไข้วัดใหญ่ ความรุนแรงของไวรัสที่เป็นเหตุให้ไข้ฝีดาษฆ่าคนได้หนึ่งในสามที่ติดเชื้อและคงอยู่ในตัวพาหะได้หลายปี มันถูกประกาศเปิดเผยแลกำจัดให้หมดสิ้นในปีค.ศ.1979 แม้ว่าจะมีเพียงตัวอย่างเชื้อสองรายการถูกเก็บไว้อย่างเป็นทางการที่ แอตแลนต้าและที่โคซาโว รัสเซียก็ดีแต่ยังคงมีข่าวลือว่ายังมีตกค้างหลงเหลือเป็นตัวอย่างที่ผิดกฏหมาย เพื่อสนองต่อความกลัวต่อการก่อการร้าย สหรัฐได้สะสมวัคซีนแก้ข้ทรพิษเตรียมไว้ถึง สามแสนโด๊ส ตอนนี้เก็บไว้ในคลังทั่วประเทศ

          เชื้อไข้หวัดใหญ่ได้ทำตัวมันเองเข้าสู่กำหนดการการประชุมเรื่องอาวุธชีวภาพในปีค.ศ. 2005 แต่วงการรักษาความปลอดภัยทางชีวภาพก็ปล่อยผ่านมันไป นักวิทยาศาสตร์ได้ประสพความสำเร็จสร้างใหม่ เชื้อไวรัสฟลูที่เกิดการระบาดในปีค.ศ.1918 โดยนำมาจากตัวอย่างเนื้อเยื้อคนที่ถูกแช่แข็งในแถบน้ำแข็งเขตอาร์ติก หน่วยงาน NSABB(The National Science Advisory Board for Biosecurity)  ได้ตัดสินว่าประโยชน์ต่อวงการวิทยาศาสตร์และสาธารณสุขจะต้องมีน้ำหนักเหนือความเสี่ยงต่อความปลอดภัย กรรมการ NSABB พอล ไคม Paul Keim กล่าวว่าเป็น การตัดสินใจที่ผิด การระบาดของไวรัสชนิด H1N1 ที่มีอัตรายน้อยถูกนำมาถกเถียงให้ใช้เป็นส่วหนึ่งของภูมิต้านทานของเชื้อไวรัสปีค.ศ.1918 เนื่องจากว่า H5N1  ได้เป็นที่รู้จักของระบบภูมิคุ้มกันของมนุษย์แล้ว ไม่มีภูมิคุ้มกันตามธรรมชาติ 

       ปัจจุบันผู้เชี่ยวชาญด้านป้องกันบางท่านได้พิจารณาผลทางห้องทดลองที่ทำกับ H5N1  ของ คาวาโอกะและฟลาชเลอร์ที่มีอันตรายมากกว่าเชื้อไข้ทรพิษ มีการจำแนกแยกกลุ่มได้มากกว่าเชื้อไข้ทรพิษและขยายแพร่สู่มนุษย์ได้เร็วกว่าด้วยทำให้เจ้าหน้าที่มีเวลาน้อยในการคิดสร้างวัคซีนต้าน “ ไข้หวัดใหญ่เป็น ราชสีห์แห่งการแพร่พันธุ์ ” เป็นคำกล่าวของ ไมเคล ออสเตอร์โฮม Michael Osterholm ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยโรคติดเชื้อและนโยบายแห่งมหาวิทยาลัยมินิโซต้าและโฆษกของ NSABB   การระบาดแพร่สู่มนุษย์ด้วยอัตราการตายสูงถึงร้อยละ60 ที่ได้จากการศึกษาผู้ป่วยไข้หวัดนก ในฐานะที่ออสเตอร์โฮมได้ชี้ให้เห็นแม้แต่การระบาดเพียงหนึ่งในยี่สิบ มันก็ให้เกิดการล้มตายมากกว่าไวรัสที่ระบาดในปีค.ศ.1918   NSABB   เรียกขอเอกสารรายงานของคาวาโอกะและฟลาชเลอร์ในเดือนธันวาคมและพิมพ์เผยในเดือน มีนาคม

        มีการตกลงทั่วไปในคณะกรรมการควบคุมความปลอดภัยทางชีวะ ว่า ไข้หวัดนกหรือที่ชนิดเจาะจง H5N1 ที่สร้างขึ้นในห้องปฏิบัติการและสามารถถายทอดได้ในสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมนั้น เป็น อาวุธชีวภาพที่มีประสิทธิภาพ เช่นเดี่ยวกับเชื้อไข้ทรพิษ จำต้องได้รับการจัดการบริหาร

“ มันเป็นจริงอย่างมากที่เมื่อมีไวรัสชนิดนี้ก็จะก่อเกิดความเสี่นง ” ริดชาร์ด เฮช อีไบร์กล่าวผู้เชี่ยวชาญการป้องกันชีวภาพและนักชีวเคมีแห่งมหาวิทยาลัยรูทเกอร์(Rutgers University)

“ มันมีความเสี่ยงเกิดอุบัติเหตุรั่วไหลออกมาและสร้างโอกาสให้ใครบางคนนำไปใช้เป็นอาวุธชีวภาพ ”  เขากล่าว

อะไรก็ตามที่รุกเร้าผู้เชี่ยวชาญด้านป้องกันและนักวิทยาศาสตร์ด้วย ก็คือ ขบวนการค้นคว้าวิจัยที่ไม่ได้วิเคราะประเมินถึงผลได้และความเสี่งไว้ล่วงหน้า คณะกรรมการ NSABB ให้คำแนะนำโดยปราศจากการตอบสนองต่อภาพรวมทั้งหมด พวกเขาได้เข้ามาเกี่ยวข้องภายหลังที่มีแรงกระตุ้นจากทำเนียบขาว ในปี 2007 จอนห์ สไตนบรูเนอร์และผู้ร่วมงานแห่งศูนย์ศึกษาความปลอดภัยระหว่างชาติ เมืองแมรี่แลนด์เขียนรายงานให้คำแนะนำว่า “ ข้อจำกัดบางประการบนพื้นฐานเสรีภาพการกระทำ ณ.ระดับการวิจัยขั้นพื้นฐานที่ซึ่งสถาบันที่ปกครองตนเองโดยลำพังได้กลายเป็นคุณค่าสูงส่งแบบดั้งเดิม(โบราณ) สำหรับเหตุผลที่ดีที่สุด ” รายงานของคาวาโอกะและฟอนเชียร ถูกเมินเฉยอย่างมาก อย่างไรก็ดีรัฐบาลสหรัฐได้เรียกหน่ยงานเกี่ยวกับงบประมาณเพื่อสร้างตั้งงบการวิจัยที่เกี่ยวข้องกับไวรัส H5N1และไวรัสไข้หวัดฟลูปีค,ศ,1918

         สไตนบรูเนอร์ และนักวิจัยอื่นๆ ให้การแนะนำต่อกลุ่มตรวจสอบระหว่างประเทศให้มีอำนาจกำหนดผู้มีอำนาจวางแนวการวิจัยขอบเขตถึงศักยภาพที่ก่อเกิดอันตายและเฝ้าติดตามมัน ให้เข้มงวดเทียบเท่ากับองค์การอนามัยโลกปฏิบัติในกรณีของไข้ทรพิษ “ มันไม่ใช่การป้องกันแบบจำกัดหรือกักบริเวณอากาศ แต่เป็นการตั้งบมาตราฐานของที่ไม่มีใครสามารถออกนอกไปทำการทดลองส่วนตัวลำพังเหล่านั้น ”สไตนบรูเนอร์เน้น  ไวรัส H5N1 กลายพันธ์ แพร่ไปท่ามกลางสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม “ เป็นชิ้นวัตถุสำคัญของการทำลายล้างมวลมนุษย์นำไปสู่เครื่อข่ายอาวุธนิวเคียร์และอาจนำหน้าเกินได้ ”เขาเสริม    “ มันเป็นเชื้ออันตราย ไม่ไช่เป็นเรื่องของเพียงนักวิทยาศาสตร์ที่จะระมัดระวังโดยส่วนตัวเท่านั้น มันจะต้องรวมไปถึงความปลอดภัยของขบวนการวิจัยของสถาบันด้วย 

        แล้วข้อกำหนดของขบวนการเป็นอย่างไร เทคโนโลยีอาวุธนิวเคลียร์เป็นเรื่องของทางการทหาร หมายความว่าการวิจัยบางครั้งกระทำอย่างปกปิดได้ แต่นี่ไม่เหมือนอาวุธนิวเคลียร์ เชื้อไข้หวัดใหญ่เป็นเรื่องเกี่ยวกับการสาธารณสุขทั่วโลก การแยกแยะแนวทางวิจัยศึกษาH5N1

จะทิ้งภาระให้นักวิทยาศาสตร์และเจ้าหน้าที่สาธารณสุขอยู่ในความมืดเกี่ยวกับการคุกคามวงการสาธารณสุขอันใหญ่หลวง ในทางกลับกันผู้เชี่ยวชาญด้านความปลอดภัยได้ถกเถียงถึงข้อจำกัดในการทดลองวิจัยกับที่เชื้อปลอดภัยที่สุดแพร่ไปสู่สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมขณะนี้ปลอดภัยมากกว่าตอนที่คาวาโอกะและเฟลาเชอร์ทดลอง ข้อจำกัดเหล่านั้นจะทำให้ผลงานการวิจัยไม่ไปถึงนักวิทยาศาสตร์อีกหลายคน

       นักวิจัยหลายท่านได้ผ่านเลยการป้องกันของพวกเขาดังที่งานของคาวาโอกะและเฟลาเชอร์ได้ทำไว้ บนพื้นฐานที่ว่า ยิ่งเรารู้มากเท่าไหรเกี่ยวกับ H5N1 เราก็สามารถป้องกันตัวเราเอง

จากการคุกคามของมันตามธรรมชาติ ศาสตร์  การถกเถียง ได้เจริญพัฒนาไปได้ดีที่สุดเมื่อกิจกรรมการวิจัยไม่ถูกล่ามไว้ การทำให้กระจ่างลึกลงไปถึงส่วประกอบของยืนพันธุกรรมมีความจำเป็นต้องพูดคุยถึงคุณสมบัติการทำอันตรายถึงตาย และความสารถในการแพร่กระจายของเชื้อ H5N1 จะอนุญาติให้ผู้เชี่ยวชาญคอยเฝ้าติดตามอันตรายที่เกิดจาดสายพันธุ์ใหม่ที่เข้าแฝงในสัตว์ป่า เพื่อเตรียมรับสถานการณ์ในข้างหน้า ครั้นเมื่อไวรัสไข้หวัดที่เกิดในคนอุบัติขึ้นและเริ่มแพร่กระจาย มันสายเกินไปที่จะหยุดการระบาดในช่วงแรก การผลิตวัคซีนอย่างจริงจังใช้เวลาถึง หกเดือนหรือมากกว่าถึงจะเสร็จสมบรูณ์ โดนช่วงเวลากระทันหันเมื่อ ไวรัส H1N1 ปรากฏเป็นที่สนใจของเจ้าหน้าที่สาธารณสุขในเดือนเมษายน ค.ศ.2009 มันแพร่ระบาดอย่างกว้างขวางในเม็กซิโกและสหรัฐอเมริกาและกระจายแพร่ขยายไปตามวิถีของมัน

                   ยิ่งไปกว่านั้น องค์ประกอบพันธุกรรมตัวหนึ่งที่คาวาโอกะบ่งชี้ให้ความเห็นถึงการถ่ายเทในไวรัสชนิด H5N1 ได้ถูกเฝ้าดูในไวรัสชนิดที่อยู่ตามธรรมชาติด้วย นี่เสนอแนะ ว่า วงล้อการเดิมพันปั่นหมุนเรียบร้อยแล้ว   “ เพราะว่าการกลายพันธุ์ H5N1ที่ได้ปรึกษาถกเถียงกันว่ามันแพร่ในคนได้นั้นอาจแฝงอยู่ตามธรรมชาติ ผมเชื่อว่ามันไม่อาจตอบสนองต่อ ไม่เฉพาะแค่การศึกษาขีดเส้นแค่กลไกเท่านั้น  ” คาวาโอกะเขียนลาวรสาร เนเจอร์ เขาปฏิเสธิที่จะให้สัมภาษณ์หัวข้อนี้ และฟลาวเชียรก็ปกป้องทำนองเดียวกัน

                      การมีข้อมูลรายละเอียดศักยภาพของไวรัสไข้หวัดที่ให้ผลถึงตายนี้ มีประโยชน์น้อยมาก อย่างไรก็ตาม การปราศจากเงินทุน เครื่อข่ายและการเข้าถึงฟาร์มสัตว์ได้ ระหว่างการระบาด H5N1 นักไวรัสวิทยาเริ่มเฝ้าติดตามตลาดสัตว์มีชีวิตในประเทศจีนตอนใต้ แต่ก็ไม่เคยมีการตรวจวัดหาใดๆที่จีนหรือทางเอเซียตะวันออกเฉียงใต้ ในสหรัฐฟาร์มปศุสัตว์มักจะมีตราประทับของเจ้าหน้าที่สาธารณสุขจากการตรวจที่หมู แม้ว่าตัวตั้งต้นของการระบาดเชื้อ H1N1 2009 ได้ถูกขจัดออกนอกฟาร์มหมูของสหรัฐหลายปีก่อนเกิดเหตุที่เม็กซิโก

                         ลำพังการตรวจตราอาจจะไม่ดีพอสำหรับป้องกันการแพร่ระบาดในคนภายภาคหน้า         เราควรจะเตรียมตัวณ.บัดนี้ดีกว่าที่เคยพบกับการระบาดของH1N1

แนนซี่ ค๊อก ผู้อำนวยการกองเชื้อไข้หวัดอินฟ,เอนซ่าแห่ง CDC กล่าว

“ แต่โลกก็ไม่ได้เตรียมตัวสำหรับเหตุฉุกเฉิน ที่จะเกิดการระบาดรุ่นแรงด้วยเชื้อไข้หวัดที่ระบาดได้อย่างกว้างขวางและก่ออันตรายมากในคน โดนสัตย์จริงแล้ว ฉันไม่คิดว่ามันจะเกิดขึ้นกับโลก  เว้นแต่ว่า เราจะมีวัคซีนชนิดครอบจักรวาลที่สามารถป้องกันได้ทุกชนิดทุกสายพันธุ์ ”

วัคซีนครอบจักรวาล(ปัจจุบัน)ไม่อยู่ในวิสัยให้เห็น มันทิ้งให้เราอยู่ในสภาวะที่อิดอัดที่ได้มาองค์ความรู้มากมายและเล็กน้อยเกินไป
แปลและเรียบเรียงจาก " Waiting to Explode" Scientific American Mag June,2012

 











   


ปี ค.ศ.1918
เกิดการระบาดครั้งใหญ่ในสเปน(ไข้หวัดนกสเปน)จากไวรัสH1N1ฆ่าคนมากกว่า 20 ล้านคน
ปี ค.ศ.1925
มีการออกนโยบายเจนีวาโปโตคอลห้ามการใช้อาวุธชีวภาพแต่ไม่ขัดขวางการวิจัยพัฒนาตัวการเหล่านั้น
ปีค.ศ.1957
เกิดการระบาด เอเซียฟลูจากเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่ H2N2 ฆ่าคนตายไป   100,000คน
ปีค.ศ.1968
ฮ่องกงฟลูระบาดเกิดจากเชื้อไวรัส H3N2ฆ่าคนไป 700,000 คน
ปี ค.ศ.1972
มีการลงนามข้อตกลงร่วมอาวุธท็อกซินและอาวุธชีวภาพระหว่าง 72ประเทศให้ยุติการวิจัยและทำลายเชื้อที่เก็บไว้อยู่
ปีค.ศ.1997
รายงานที่ฮ่องกงค้นพบโดยกระทันหันครั้งแรกว่ามีคนติดเชื้อ  H5N1 คนตายหกรายจากผู้ป่วยสิบแปดราย
ปีค.ศ.2001
หลังจากการโจมตีสหรัฐ11 กันยา ทางการป้องกันมุ่งไปยังเชื้อไข้ทรพิษ ให้ความสนใจเชื้อไข้หวัดไวรัสน้อยกว่า
มกราคม2005
มีการตีพิมพ์เอกสารครั้งแรกถึงความเป็นไปได้การแพร่ของไวรัสไข้หวัดนกจากสัตว์ปีกสู่คนในไทยเด็กหญิงส่งผ่านเชื้อนี้สู่มารดาเธอ ณ.กันยายน 2004
กุมภาพันธ์2005
องค์การอนามัยโลกผลิตวัคซีนสายพันธ์ H5N1 ได้ผ่านารพัฒนาทดสอบมุ่งหวังใช้กับเจ้าหน้าที่อนามัยกลุ่มเสี่ยงแรก
ตุลาคม 2005
ในการประกอบสารพันธุ์กรรมจากเหยื่อไวรัสปี 1918ที่แช่แข็ง นักวิทยาศาสตร์สมมุติฐานว่าไวรัสเกิอที่สัตว์ปีกก่อนและแปลงไปสู่คนซึ่งเป็นชนิดที่คล้าย H5N1
มีนาคม           2006
นักวิจัยสองกลุ่มค้นพบว่าไวรัสไข้หวัดนกมีโอกาศจะรวมกับโมเลกุลที่อยู่ลึกลงไปในปอดมากกว่าจมูก,ลำคอซึงอาจอธิบายได้ว่า เชื้อ H5N1 ไม่ง่ายนักที่จะแพร่พันธุ์ระหว่างคน
พฤษภาคม2007
องค์การอนามัยโลกได้เห็นชอบผ่านการแก้ปัญหาในส่วนสำคัญของการร่วมมือระหว่างประเทศไวรัสไข้หวัดใหญ่
ค.ศ.2009
เกิดการระบาดไข้หวัดนกสายพันธุ์ H1N1 ระหว่าง เมษายน,2009 และสิงหาคม 2010 
ค.ศ.2011-2012
เจ้าหน้าที่ความปลอดภัยทางชีวภาพแนะนำให้ดำเนินการเก็บรวบรวมงานวิจัยต่อในเรื่องการแพร่ผ่านเชื้อ H5N1ในสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมจากเอกสารเผยแพร่ที่มีมา แล้วดำเนินการต่อ
ลำดับเหตุการ์ณสำคัญเกี่ยวกับเชื้อไวรัสไข้หวัดนก











 







------------------------------------------------------------------------------------

ไม่มีความคิดเห็น: