จำนวนการดูหน้าเว็บรวม

วันอาทิตย์ที่ 6 มกราคม พ.ศ. 2562

   เดอะดีฟเว็ป(เว็ปซ่อนเร้น)                                  

                                                                 
                                                                                     
           ในบ่ายของวันที่1 ตุลาคม2013 ชายสูงเพรียวทรงผมยาวรุงรังออกจากบ้านเลขที่ 15 เอเวอนิวส์ ซานฟานซิโกที่เขาเช่าอยู่ 100 เหรียญต่อเดือนเช่าร่วมอาศัยกับเพื่อนสองคนที่รู้จักเขาว่าเป็นนักค้าเงินตราที่ชื่อ โจช เทรเรย ( Josh Terrey) แต่ชื่อจริงของเขาคือ รอส อลูบริชท์ (Ross Ulbricht )  เขาอายุ29ปี ไม่มีประวัติอาชญากรรมเขาสวมเสื้อยืดสีแดงกางเกงยืน มุ่งหน้าไปยังห้องสมุดสาธารณะสาขาเกลน์ปาร์ค(Glen Park )เข้าไปเปิดคอมพิวเตอร์แลนทอป อ่านหนังสือนิยายวิทยาศาสตร์พลันตำรวจเอฟบีไอนอกเครื่องแบบจู่โจมจับตัวเขาแล้วออกไปจากอาคาร
          เอฟบีไอ ชื่อว่า อลูบริชท์ เป็นนักก่ออาชญากรรมออนไลน์ที่รู้จักกันในนาม Dredd Pirate Roberts(ชื่อที่อ้างมาจากหนังสือและภาพยนตร์)เขาเป็นเจ้าของและผู้บริหารซิวโรด(Silk Road) ร้านค้าออนไลน์ซึ่งประสพความสำเร็จกว้างขวางที่บริการสินค้านอกกฏหมาย อย่างเช่น ยาเสติด บัตรแสดงตนปลอมต่างๆ วัตถุระเบิดและโปรแกรมล้วงข้อมูล พวกเขาสามารถทำสิ่งเหล่านี้ได้โดยไม่ถูกจับเพราะว่า เว็ปเพจ ซิวโรด ตั้งอยู่ในส่วนของระบบอินเตอร์เนต ที่รู้จักกันน้อยมากสุดหยั่งถึง เรียกกันว่า เดอะ ดีฟ เว็ป “The Deep Web
       โดยทางเทคนิคแล้วเว็ปสุดลึกนี้อิงอยู่กับการรวบรวมบรรดาเว็ปไซค์และข้อมูลต่างๆที่เสริจเอนจินอย่างกลูเกิลไม่สามารถทำได้มันสามารถชี้บ่งถึงข้อมูลที่มากมหาศาล มากกว่าเว็ปที่เรารู้จักเสียอีกแต่เป็นอิสระต่อกันอย่างมากเดอะ ดีฟ เว็ป The Deep Web นี้มีแขนงหนึ่งของระบบอินเตอร์เนตที่ซ่อนตัวโดยการเพิ่มจำนวนสินค้าที่ที่หายาก,เว็ปเพจนิรนามมากมายคุณม่สามารถทำอะไรได้หรอกกับ ที่เชื่อมมันกับโลกแห่งความเป็นจริงที่ชี้บ่งที่มาได้ว้นเสียแต่ว่าคุณจะให้มันทำ ผู้คนส่วนใหญ่ไม่เคยเห็นมันแม้ว่าซอฟแวร์ที่คุณเข้าถึงมันและใช้มันจะได้ฟรีและเสียเวลาสั้นๆน้อยกว่าสามนาทีที่ลงโปรแกรมก็ตามถ้าคุณมีส่วนหนึ่งของการกรองตะแกรงกรองที่สามารถถูกพิจารณาขจัดออก นี่แหละเดอะ ดีฟ เว็ป-เว็ปซ่อนเร้น
               มีเหตุผลแน่ชัดหนักแน่นมากที่เดอะ ดีฟ เว็ป ดำรงอยู่ได้ มันเป็นเครื่องมือของพวกนักสืบสปายสาลับ,การบังคับคดีทางกฏหมาย,ผู้ที่ไม่เห็นด้วยทางการเมืองและสำหรับใครบางคนที่ต้องการธุรกรรมส่วนตัวบนโลกออนไลน์ มันจะเพิ่มจำนวนผู้สนใจเข้ามาทุกคนจากการสำรวจเมื่อเดือนกันยายน 2013 โดย Paw Internet&American Life Project  จำนวนผู้ใช้อินเตอร์เนต86%พยายามจะลบหรือปกปิดประวัติทางดิจิตอลของพวกเขาและ  พยายามหลี่กเลี่ยงการถูกตรวจสอบสังเกตุในออนไลน์จากเจ้านายผู้ว่าจ้างหรือรัฐบาล
          แต่เดอะ ดีฟ เว็ป The Deep Web เป็นแหล่งการกระทำผิดที่หมายปองสถานที่ชุมนุมการกระทำผิดตามบัญญัติกฎหมายโดยเฉพาะเว็ปไซค์ซิวโรดSilk Roadซึ่งมีระบบเงินเสมือนที่ไม่สามารถแกะรอยได้ชื่อบิทคอยล์ Bitcoin (เหรียญดิจิตอล) “ มันอนุญาตอาชญากรทุกประเภท ผู้ที่กระทำในอดีตจำต้องแสวงหาตลาดยาเสพติดอย่างเปิดเผยหรือสถานที่มาชุมนุมร่วมงานอย่างเปิดเผย ” นายแพร็ท พราโรซา(Pract Bharosa) ผู้รับหมอบอำนาจรัฐประจำเขตใต้ของนครนิวยอจค์ซึ่งเป็นเขตรับผิดชอบนำสืบเรื่องของอลูบริชท์เปิดเผยต่อนิตยสารไทม์ว่า เป็นเวลาถึงสองปีครึ่งที่การดำเนินงานของซิวโรดเหมือนอเมซอนแต่จัดจำหน่ายสิ่งผิดกฏหมายให้ลูกค้าเกือบล้านรายทั่วโลกมีมูลค่าถึง1.2พันล้านเหรียญดอลลาร์ ตามคำกล่าวหาต่อนายอลูบริชท์ถึง39 หน้ากระดาษ มีรายได้ราว 80 ล้านดอลลาร์
           ประชาชนส่วนใหญ่ผู้ใช้เดอะ ดีฟ เว็ป The Deep Web ไม่ใช่อาชญากรแต่นักสืบเจ้าหน้าที่รัฐพาลคิดไปว่า The Silk Road เป็นขอบบางๆของเดอะ ดีฟ เว็ปที่มีศักยภาพแห่งฝันร้ายสวรรค์ทางอีเล็คโทนิคสำหรับพวกหัวขโมย,โสเภณีเด็ก,นักค้ามนุษย์,นักปลอมแปลง,มือปืน,ผู้ค้าอาวุธนิวเคลียร์ขนาดย่อมรวมถึงคณะผู้บริหารควบคุมยาเสพติดกระทรวงยุติธรรม, ตำรวจเอบีไอ DEA, ATE, NSA (National Security Agency)
ยอมจ่าย10  ล้านเหรียญดอลลาร์เพื่อสืบค้นหาตำแหน่งที่มาข้อมูลที่เจาะได้อย่างไรซึ่งดูเหมือนเป็นการเย้าเย้ยตนเอง เพราะวงการทหารสหรัฐเองเป็นผู้สร้างมันขึ้นมา
 พลังความสามารถ
         เรื่องราวเดอะ ดีฟ เว็ป เหมือนนิยายแห่งเทคโนโลยี่ มีลำดับความเป็นมาแบบไม่ตั้งใจ ในเดือนพฤษภาคม ค.ศ1996.   นักวิทยาศาสตร์ห้องปฏิบัติการนาวีสหรัฐ3นาย ได้นำเสนอรายงานในเรื่อง การซ่อนเล้นเส้นทางข้อมูลข่าวสารต่อการปฏิบัติงานในมหาวิทยาลัยแคมบริจ  อังกฤษ รายงานได้แสดงถึงผังแบบทางเทคนิคของระบบที่ซึ่งผู้ใช้สามารถเข้าถึงระบบอินเตอร์เนตโดยไม่ต้องเปิดเผยตนเองให้กับผู้ให้บริการอินเตอร์เนตใดๆก็ตามไม่ว่าเสริพเวอร์หรือจุดถ่ายทอดเว็ป (เราน์เตอร์)ที่ผู้ใช้อาจจะมีการติดต่อสัมพันธ์กันในระหว่างการใช้งาน
        พวกเขาเรียกความคิดนี้ว่า “ ลายเส้นหัวหอม”( Onion routing)เพราะว่าชั้นของการเข้ารหัสที่ล้อมรอบคลุ่มซ่อนเร้นข้อมูลที่ได้ผ่านกลับไปกลับมาปลายเดือนตุลาคม 2003 ความคิดนี้พร้อมที่จะปล่อยใช้ในเน็ตแล้วในรูปแบบ โครงการโอเพนซอสโค้ดที่เรียกว่า TOR =  The Onion Router ซึ่งมันถูกห้ามใช้ ถ้าเดอะ ดีฟ คือหน้ากากงานบอลล์ TOR ก็เป็นเครื่องแต่งกาย มันสง่างามและสร้างสรรอย่างมีประสิทธิภาพอย่างมากมากจนกระทั้งคนที่สร้างมันยังไม่รู้ว่าจะเจาะแยกมันออกได้อย่างไร  
         ในหลายด้าน TOR ก้าวหน้าน้อยกว่าเทียบย้อนหลังกลับไปยุคแรก สำหรับประวัติอินเตอร์เนตที่มีมากมาย ผู้เข้ามาใช้ออนไลน์จะเชื่อมต่อกันอย่างหลวมๆและให้ตัวตนชี้บ่งได้ในโลกแห่งความป็นจริง ระบบอินเตอร์เนตเป็นสถานทีที่ผู้คนสร้างข่าวความเคลื่อนไหวของตนเองเริ่มด้วยชื่อเล่น ชื่อย่อหรือนามแฝง มาถึงปีค.ศ.1990  เว็ปให้ความผูกพันกับผู้คนถึงชีวิตที่สองแต่เหนือสิ่งอื่นใดด้วยการมาถึงเฟ๊สบุคชีวิตของเราบนโลกออนไลน์ได้ผูกติดกันอย่างแน่นกับสภาพที่อยู่นอกออนไลน์(ออฟไลน์)ด้วยมีการแสดงชื่อจริงของเราให้เห็น ปัจจุบันทุกๆแห่งที่เราไป เราควานหาข้อมูลเกี่ยวกับตัวเราประวัติ พฤติกรรมซื้อ รสนิยมในการชมภาพยนตร์ วีดีโอการติดต่อทางสังคมแม้แต่ตำแหน่งที่อยู่ของเราแต่ที่เดอะ ดีฟ เว็ป- เว็ปซ่อนเร้นไม่    
           การที่รัฐบาลสหรัฐสนับสนุนทุนให้สร้างระบบเช่นนี้มีเหตุผลมากมาย ตำรวจสามารถใช้มันล่อใจ ได้ข้อคิดที่มีประโยชน์บนโลกออนไลน์เปิดเผยโดยผู้ประสงค์ไม่ออกนาม,จัดตั้งปฏิบัติการ์ณค้นหาเว็ปไซค์เถื่อนที่ไม่ระบ่งผู้เป็นเจ้าของ,หน่วยทหารเจ้าหน้าที่นักสืบสามารถใช้เป็นปกปิดการติดต่อสือสาร ฝ่ายมลรัฐต่างๆสหรัฐใช้อบรมต่างชาติที่ไม่เห็นด้วยได้ใช้มัน TOR  ถูกบริหารจัดการโดยหน่วยงานไม่แสวงหาผลกำไรที่อยู่ในแคมบริจด์ รัฐแม็ซสาซูเสด และได้รับการสนับสนุนจากองค์การหลายแห่ง  กลูเกิล,ไนท์ฟลาวเดชั่น(Knight Foundation )แต่เมื่อปีค.ศ.2011เงินทุนร้อยละ 60 มาจากรํฐบาลสหรัฐ
              การบิดพริ้วมาสู่ด้านมืดของเว็ปนี้ เริ่มมาไม่นานหลังจากทีถูกสร้างขึ้นตอนแรกต้นปีค.ศ.2006 เว็ปได้รู้จักกันในชื่อ The Farmer’sMarketตลาดของกสิกร ที่ขายของทุกๆอย่างจากกัญชาถึงยาเสพติดเคดตาไมน์ มันครอบคลุมไปถึง 50รัฐ 34ประเทศ ก่อนที่หน่วยงานกำกับควบคุมยาเสพติด กระทรวงยุติธรรมสหรัฐDEA( Drug Enforcement administration gl)จะยุติมันในเดือนเมษายน 2012 เว็ปนี้ไม่ใช่เพียงแหล่งสำหรับยาเสพติดมีหลักฐานชี้พบว่าพวกจีฮัด Jihadists ใช้สื่อสารผ่านมันและเป็นจุดศูนย์รวมของพวกเครื่อข่ายที่ติดไวรัสคอมฯใช้  เพื่อซ่อนตัวเพื่อหลบซ่อนการตรวจค้น ปัจจุบัน( ปี2013ปีที่นิตยสารไทม์ตีพิมพ์บทความนี้)มันทำงานเพียง  เพื่อค้นหาอาวุธ,โสเภณีเด็ก ในเดือนสิงหาคม   เอฟบีไอ ได้ควบคุมบริษัทที่ชื่อว่า Freedom Hosting บริษัทผู้เชี่ยวชาญใน Deep Website ด้วยข้อกล่าวหาสนับสนุนจัดหาโสเภณีเด็กที่ใหญ่ที่สุดในโลก เจ้าของเป็นชายชื่อEric  Marquee อายุ28 ปีดูเหมือนว่ามาจากไอร์แลนด์
       แต่ซิวโรดแตกต่างจากนั้นแยกแยะให้เห็น มันบริการโสเภณีเด็ก,ของถูกขโมย,ธนบัตรปลอม อย่างไรก็ตามการซื้อขายไม่ใช้เงินดอลลาร์แต่ใช้เหรียญดิจิตอล บิทคอยล์(Bitcoin)
       บิทคอยล์ เหรียญดิจิตอล ปรากฏขึ้นในปีค.ศ.2009มันถือได้ว่าเป็นกระแสเงินตราประเภทใหม่ถูกแนะนำว่าเสมือนเป็นเงินงบประมาณ ทดลองโดยกลุ่มคนที่รู้จักในนามSatoshi Nakamoto   ที่ไม่รู้ตัวตนจริงป็นใคร บิทคอยล์ใช้ได้ในการชำระหนี้เป็นกระแสเงินดิจิตอลแท้ๆ ไม่มีรูปแบบที่จับต้องได้มันมีมูลค่าวัดคำนวณได้จากอุปสงค์และอุปทานและมีค่าตราบเท่าทีตัวบุคคลบริษัท องค์กร ที่เห็นพ้องต้องกันว่าจะใช้มันเพื่อการค้าร่วมกัน
               บิทคอยล์ เป็นสิ่งของในปัจจุบันที่ทรัสต์ในธนาคารและรัฐบาลได้ประณีประนอมยินยอม ผู้ใช้สามารถโอนมันจากกระเป๋าดิจิตอลใบหนึ่งไปสู่อีกใบหนึ่งโดยไม่ต้องผ่านตัวกลางไม่มีค่าธรรมเนียม กระแสเงินก็กระจายออกอย่างสมบรูณ์ โครงสร้างสถาปัตย์ของมันได้มาจากความสำเร็จของ Napater’sBitterrent และอยู่บนพื้นฐานของ Sophisticated cryptography    บิทคอยล์ เหรียญดิจิตอลเป็นเงินสดสำคัญจำเป็นในอินเตอร์เนตลักษณะสเหมือนที่ไร้นามและยากที่จะปลอมแปลง  เว็ปไซค์ตลาดกสิกร เปราะบางถูกโจมตีได้เพราะมันทิ้งร่องรอยในโลกจริงไว้แต่ซิวโรดSilk Roadไม่
     เช่นเดียวกับTOR  บิตคอยส์ถูกต้องตามกฎหมายที่จะคงอยู่มีเหตุผลคงอยู่ ตราบเท่าที่บางคนสามารถพูดว่ามันถูกใช้เริ่มแรกเพื่อวัตถุประสงค์ที่ถูกกฏหมาย  การลงบัญชีหนี้สินทางธุรกิจ ตอนนี้มีการยอมรับมัน อย่างเช่นเว็ปไซคนัดหาคู่(OK Cupid)และบาร์แห่งหนึ่งในนิวยอร์ค แต่การออกใช้บิตคอยน์ในรูปดิจิตอลถูกโจมตีจากผู้คนนิรนามในเดอะดีฟเว็ปได้ช่วยกันสร้างเพล็ตฟอร์มที่มีศักยภาพของอาชญากรรมที่ไม่เหมือนใครในโลกแห่งความจริงหรือโลกสเหมือนจริงที่เห็นอยู่ ศักยภาพนี้ถูกรับรู้ได้โดยนาย รอส อลูบริชท์The Dreed Pirate Roberts
JOHN GALT 2.0 
    รอส อลูบริชท์Ross Ulbricht เจริญเติบโตที่รัฐเท็กซัสเป็นเดินทางไปศึกษาวิชาฟิสิกชที่มหาวิทยาลัยแท๊กซัสในดักลาส เคยศึกษาในโรงเรียนเศรษฐศาสตร์ ออสเตรีย อลูบริชท์จำเลยผู้ถูกจับนี้ได้รับปริญญาโทสาขาวัสดุศาสตร์ ( material science)และวิศวกรรมจากมหาวิทยาลัยเพนนิซีวาเนีย เพื่อนๆกล่าวถึงเขาว่าเป็นคนเรียนเก่งและพิถีพิถันเขาไม่ทำตัวเป็นจุดเด่นชอบอยู่เบื้องหลังเสียมากกว่า
ภายหลังจบการศึกษา  ได้สนใจในเรื่องอินเตอร์เนตมีความคิดที่จะนำมาเป็นตลาดเสรี เขาแอนตี้รัฐบาลและบันทึกในโปรไฟล์ของเขาว่า “ระบบที่แพร่ขยายโดยใช้อำนาจอย่างมากอยู่ท่ามกลางสถาบันต่างๆในรัฐบาลวิธีที่ดีที่สุดที่จะเปลื่ยนรัฐบาลคือการเปลื่ยนใจผู้ควบคลุม( เจ้าหน้าที่รัฐบาล)อย่างไรก็ตามเพื่อให้สุดทางตรงนั้นผม คนแรกกำลังสร้างแบบจำลองเศรษฐศาสตร์ที่ให้ประชาชนทดลอง ที่ว่ามันอาจดูเหมือนอาศัยอยู่ในโลกที่ไม่มีระบบของอำนาจบังคับ ”
         ภายหลังจบการศึกษาจากเพนน์สเตท ในปี ค.ศ.2009 อลูบลิชท์ ไปที่ซิดนี่ ออสเตรเลียเพื่อเยื่ยมเยืยนพี่สาว ที่นั้นเขาได้ก่อตั้งซิ้วโรดและเปลื่ยนชื่อตัวเองให้เป็น The Dreed Pirate Robertsหลังจากนั้นขบวนการผู้ค้ายาได้พร้อมปฏิบัติการบนดีฟเว็ป แต่ธุรกิจของเขาเกือบล้มลงจากเหตุผลสทองประการคือ
หนึ่งเงินที่ใช้ซื้อขายทำให้เกิดชี้บ่งและสองมันยากเกินไปที่จะสร้างความเชื่อถือกับลูกค้าแต่โรเบริต์(ชื่อในซิวโรด)แก้ปัญาทั้งสองด้วยระบบเนื้อเยื่อสองชั้นของผู้ประสงค์ไม่ออกนามที่สร้างจากโปรแกรมTor และการใช้เงินบิตคอยน์เหรียญดิจิตอลเงินเสมือนที่ติดตามไม่ได้ เพื่อสร้างความไว้วางใจให้ลูกค้า โรเบริต์ยังนำแบบเทมเพลตจากอเมซอลและอีเบย์มาเป็นแม่แบบกับเว๊ปไซด์
        ผู้ที่ใช้ซิวโรดอธิบายการใช้อย่างชำนาญ การปฏิบัติทำได้อย่างสมบรูณ์แบบทั้งภาคขายและภาคซื้อให้ให้ลูกค้าได้แสดงความคิดเห็น  ลูกค้าคนหนึ่งกล่าวว่า ”เมื่อผมจะตัดสินใจจะซื้อหรือขายหรือไม่ ผมจะเข้าไปอ่านที่หน้าเฟตบุคของพวกเขาดู   เช็คเรทติ้งจากสองสามเดือนก่อน” เขากล่าวต่อ “ผมไปที่แผงเสนอติดต่อทบทวนแสดงความเห็นจากผู้มีความต้องการอยู่กับสิ่งนั้นๆ ผมไปที่  avenger’s thread ที่ชุมชน  Silk Road ติดประกาศผลทดลองสินค้าจากห้องแล๊ปและเมื่อมีการซื้อขายเปลื่ยนมือเกิดขึ้น ไม่มีปัญหาก็มีระบบแก้ไขข้อขัดแย้ง เหมือนร้านขายขนมลูกกวาด” ผู้ใช้กล่าว
         การจัดส่งสินค้ามาสู่โดยเมล์พัสดุปกติ “ มันดูเหมือนเมล์ขยะทั่วๆไปหรือข้อมูลเลื่อยลอยไปมาหรือการให้คำปรึกษาที่ยัดเยือดเข้ามา”ผู้ใช้คนหนึ่งอธิบาย “โดยปกติเมื่อเปิดหีบบรรจุออกมาตุณยังคงไม่รู้ว่ามียาเสพติดข้างในเว้นไว้แต่ว่าคุณจะค้นหามัน” ชุมชนที่ซิวคโรดจะมีกลุมวัฒนธรรมย่อยของตัวเองซึ่งขมึงเกลียวพันกับขบวนการเมือง
   “หลายความคิดคำนึงขมึงเป็นเส้นด้ายเดียวของคำถามทีที่ว่าเราอยู่ณ.ตรงนั้นที่ Dark Web เพื่อยาเสพติดหรือการปฏิวัติ” ผู้ใช้เว๊ปไซค์รำพึง
ประชาชนส่วนใหญ่ตอบกลับว่า“ มาเข้าเว๊ปเพื่อหายาเสพติดแต่คงอยู่เพื่อการปฏิวัติ” Dread Pirate Riebertoหรือที่เรียกย่อๆว่า DPR ถูกห้อมล้อมจากลูกค้าซิวโรดในฐานะของผู้ต้านการตั้งสถาปนา
      ซิวคโรด(Silk Road) เริ่มปฏิบัติงานในเดือน มกราคม 2011 อย่างเงียบๆลึกลับด้วยโปรแกรมTor ที่ทำให้มันเป็นไปได้ไม่ว่าเข้าออก เว็ปไซค์อย่างปราศจากร่องรอยทำไมต้องบ่นตำหนิไปว่าการหลบซ่อนเป็นสิ่งไม่ดีสำหรับธุรกิจ  พวกเอฟบีไอติดตามRose Ulbricht ครั้งแรกในเดือนตุลาคม บางคนในชื่อ Altoid  ได้เห็นการโปโมตส่งเสริม Silk Road ในห้องสนทนา หลังจากนั้นในชุมนุมบิตคอยน์ Altoidได้โฆษณาหาเพื่อนเพื่อจัดตั้งบริษัทสนับสนุนบิตคอยน์ หลัง Ulbricht ได้รายชื่ออีเมลล์ไว้เพื่อการติดต่อ
       อลูบริชท์Ulbricht ได้ทิ้งข้อมูลความจริงมากมายสำหรับเจ้าหน้าที่รัฐบาล บัญชีกลูเกิลของเขาเชื่อมโยงกับไซค์บางไซค์บางวีดีโอ เช่นจาก Ludwig Von Mises Instituteที่ Dread Pirate Robertได้อ้างถึง   เอฟ.บี.ไอ.ได้บันทึกจากกลูเกิลที่แสดงว่าอลูบริชท์ ได้เจาะเข้าระบบจีเมลล์ของเขาที่ซานฟานซิสโกเสริฟเวอร์ที่โรเบริต์ขอเข้าซิวคิ์โรดแสดงถึงIP adressที่สัมพันธ์สืบเนื่องกับร้านกาแฟในSan Francisco อลูบริชท์ได้โพส์ตข้อความร้องขอความช่วยเหลือโดยรหัสคอมพิวเตอร์บนเว็ปไซค์ที่ต้องกันกับ นักคอมพิวเตอร์อีกครั้งที่ใช้ชื่อ(จริง)ของเขา เขารีบเร่งเปลื่ยนหมายเลขแสดงตนผู้ใช้user ID ไปยัง ‘frasty’แต่ก็พลาดจนได้ที่ว่ารหัสโค้คนั้นวกหวนกลับมาเป็นส่วนหนึ่งของเว็ปไซค์ ซิวคโรด
       ตั้งแต่นั้นมาเครื่อข่ายก็เกิดอับจนและยุ่งเหยิง ในเดือนมกราคม 2013 ลูกค้าซิวคโรดคนหนึ่งได้ขโมยบิทคอยส์จากผู้ใช้และพยายามที่จะให้ถูกจับในอีกข้อหาหนึ่ง โรเบริต์ได้ชี้แจงต่อผู้สอบสวนไม่ได้รู้เห็นมาก่อนถึงผู้ใช้เว็ปแล้วถูกขโมยบิทคอยส์จากลูกจ้างเว็ปแล้วถูกฆ่าหลังจากคืนเงินบิทคอยส์แล้ว นี่คือปฏิบัติการแอบแฝงของเอฟ.บี.ไอ.ที่ล่อซื้อยา ส่งรูปปลอมของโรเบริต์เพื่อพิสูจน์เป็นฆาตกรได้ผล โรเบริต์ส่งเงิน80,000 จากนั้นมาเส้นใยเครื่อข่ายก็ยุ่งเหยิงและอับเฉา ในเดือนมกราคม 2013 ลูกจ้างซิวคโรดผู้หนึ่งได้ร่วมขโมยเหรียญดิจิตอลจากผู้ใช้ไปและพยายามที่จะให้ถูกจับในอีกข้อหาหนึ่ง โรเบริต์ได้แจ้งต่อผู้ตรวจสอบเว็ปไซค์ที่ไม่เคยพบเห็นกันมาก่อน ติดต่อให้สัญญาอย่างลับๆกับลูกค้าว่า จะนำลูกจ้างคนนั้นมาทรมานเพื่อให้คืนเหรียญดิจิตอลก่อนแล้วฆ่าเสีย นี่ไม่ใช่ความคิดของผู้ที่ยึดหลักแห่งเสรีภาพแต่เป็นลักษณะพวกต่อต้านสังคมจิตแปรปรวน โรเบริต์ไม่รู้หรอกผู้ที่เขาติดต่อด้วยคือ เจ้าหน้าที่เอฟ.บี.ไอ.ปลอมตัวมาล่อซื้อยาเสพติดแล้วส่งภาพปลอมเหยื่อถูกฆ่าให้โรเบริต์ โรเบริต์ด้วยความพอใจส่งเงิน 80,000ดอลลาร์
         จากการเปิดเผยผลพิสูจน์ของ เอฟ.บี.ไอ คริฟโตเฟอร์ ทาร์เบล ผู้นำสืบผู้ใช้ซิวคโรดรายหนึ่งในประเทศแคนนาดาเริ่มแบ็ลเมล์(หักหลัง)โรเบริต์ ถูกโจมตีข้อมูลรั่วไหลที่เกี่ยวข้องกับลูกคทั้งหมดของเว็ปซค์ โรเบริต์ก็ตอบสนองโดยจ่ายให้กับคนบางคนในออนไลน์ที่ใช้ชื่อปลอมว่า แดงและขาว(red and white) เงินจำนวน x150,000 เหรียญในรูปแบบของบิทคอยส์เป็นค่าจ้างฆ่าผู้ที่ทำการแบ๊ลเมย์โรเบริต์   โรเบริต์ได้รับรูปถ่ายของผู้ที่แบ๊คเมย์เขาด้วยแต่ตตำรวจแคนนาดาไม่สามารถชี้บ่งผู้ที่อยู่ในรูปว่าตรงกับเหยื่อ(ลูกค้า)ที่จะถูกฆ่าได้สักราย ในเดือน มิถุนายน 2013 โรเบริต์ได้สั่งชุดแสดงตัว(บัตรIDปลอม) จาก” แดงและขาว “ต่อมาในเดือนนั้นเจ้าหน้าที่ศุลกากรสหรัฐเปิดหีบพัสดุจากแคนนาดาพบว่ามีบัตรแสดงตนปลอม9ชุด มีภาพ อลูบริชท์ แต่วันเกิดของเขาด้วยห่อพัสดุจ่าหน้าที่อยู่ อลูบริชท์ด้วย
     เน็ตจึงถูกปิดตัวทันทีในเดือนกรกฏาคม เอฟ.บี.ไอล้วงแฮ๊กข้อมูลหนึ่งในเสริฟเวอร์ของซิวคโรดอยู่ในต่างประเทศ(ชื่อขอสงวนไว้ไม่เปิดเผย)ได้บรรจุสำเนาบรรดาอีเมล์ทั้งหลายของ โรเบริต์รวมถึงบันทึกการโอนถ่ายทั้งหลายกับไซค์ที่ก่อตั้ง ในวันที่ กรกฏาคม เจ้าหน้าที่รักษามาตุภูมิเคาะประตูบ้านอูลบริชท์ เขายอมรับว่าใช้ชื่อปลอม
       เจ้าหน้าที่ดำเนินการจู่โจมอื่นอีกในวันที่31กรกฏาคมที่คอนโดผู้เกี่ยวข้องบริเวณซีแอทตัล เป็นพ่อค้าติดต่อขายยา meth coke Heroinผ่านซิวคโรด พวกเขาควบคุมตัวอย่างหละหลวมและปล่อยตัวไปในฐานะผู้ให้ข้อมูล วันที่ 1ตุลาคมสองปีหลังจากพวกเขาสะกดรอยตามอูลบริชท์ไปยังGlen Park Library และเข้าจับกลุมต้วเขา เอฟ.บี.ไอกล่าวหาในฐานะผู้มีส่วนร่วมทำผิดด้วยหลักฐานบนจอแล็ปท๊อป
ตัวอย่างเว๊ปไซค์พวกกระทำผิดกฏหมาย(ภาพจากTIME Magazine  ,November 11,201)

ความจริงและผลที่ตามมา

        หลายหน่วยงานในรัฐวอชิงตันประสบความลำบากยุ่งยากโดยความจริงที่ว่ามันใช้เวลานานและพยายามอย่างยิ่งที่จะปิดเว็ปไซค์ที่ผิดกฏหมายเว๊ปหนึ่งที่อาจดำเนินการโดย Walter White
        เอฟ.บี.ไอ ทำหน้าที่รักษาดูแลความเรียบร้อยร่วมกับอินเตอร์เนตแบบตั้งรับ กฏหมายที่บ่อยครั้งล้าสมัย เช่นกฏบัตรแห่งการบังคับกับเครื่องช่วยอุปกรณ์การสื่อสารซึ่งออกบังคับขบวนการรับประกันที่รู้กันในนาม CALEA ( Communications Assistance for Law Enforcement Act )ผ่านรัฐสภาปี1994 เมื่อถึงค.ศ.2014 ก็ครบ20ปีแล้วนาย Marcus Thomasพูดในฐานะอดีตผู้ช่วยอำนวยการฝ่ายเทคโนโลยี่ของเอฟ.บี.ไอ ปัจจุบันเป็นที่ปรึกษาSubsentio หน่วยองค์กรที่ช่วยบริษัท(เสริฟเวอร์)ทำตามCALEA”มันจะเป็นเรื่องเข็มงวดจำเป็นที่ต้องอัพเดทให้เป็นปกติด้วยสภาพแวดล้อมปัจจุบัน”
          ถึงแม้จะหลีกหนีโดยเครื่องช่วยชำนาญการอย่างTor มันยังมีหลายวิธีการเทคโนโลยี่ และกระแสหลักที่อาชญากรสามารถซ่อนการปฏิบัติของพวกมันได้ อย่างเช่น โทรศัพท์ระบบดาวเทียม,การส่งข้อมูลระบบPinบนเบล็คเบอร์รี่หรือแม้แต่ Apple I Messaging forensicc,และthe instant-messaging service on iPhone and iPad “DEA(Drug Enforcement Administration) ปฏิบัติการล้มเหลวในเดือนเมษายนเมื่อไม่สามารถจับi-message  บน wiretap ได้ศาสตราจาร์ยโดลลิเวอร์ (Diana Summers Dolliver )แห่งมหาวิทยาลัย Alabama ฝ่ายอาชญากรรมยุติธรรมผู้ซึ่งก่อนหน้านี้ทำงานให้DEAกล่าวว่า “แน่ละ ดังนั้นพวกคนซึ่งเป็นคนร้ายลอยนวลพร้อมกับ iPhone และรหัสซ่อน i-Message
         เอฟ.บี.ไอ.ไม่พยายามที่จะฟังทุกอย่างที่สำนักงานความมั่นคงแห่งชาติ(National Security Agency) ชื่อย่อว่า เอ็นเอสเอ (NSA)กล่าวถึง เพียงแต่เฝ้าดู เพื่อได้มาหลักฐานภายใต้กติกาCALEA แต่นั้นดูเหมือนไม่ง่าย
“ สิ่งแรกเมื่อคุณมีความคิดว่าพวกเขาใช้คอมพิวเตอร์สุดท้ายแล้วไปในทางที่ผิด คุณไม่สามารถจับคอมพิวเตอร์ได้ด้วยการกระทำนั้น ” ศาสตราจาร์ยโดลลิเวอร์ กล่าว “ ดังนั้นขั้นแรก ปิดกั้นเส้นทาง จากนั้นเมื่อยึดคอมพิวเตอร์ของพวกเขามันจะได้งานกี่ยวพันธ์กับกฏหมายและการบังคับใช้เพื่อหาผู้กระทำ ”มีหลายบริษัทที่สร้างธุรกิจเฉพาะบริการลูกค้าผู้ใช้ด้วยความเป็นส่วนตัวและปกปิด กลุ่มที่สนใจอย่าง Center for Democracy and Technology โต้แย้งว่า หากสร้างเทคโนโลยี่ใหม่ๆตามกติกาCALEAจะปิดกลั้นนวตกรรมใหม่ๆก่อเกิดเส้นทางลับเพื่อบังคับใช้กฏหมายสามารถทำให้ระบบมั่นคงจากการโจมตีของแฮกเกอร์ได้
        เป็นเวลาหลายปีที่เอฟ.บี.ไอดำเนินการกับนักสืบอื่นๆบนสมมุติฐานที่จะทำให้CALEAทันสมัย ในที่สุดพวกเขายื่นเสนอต่อทำเนียบขาวในเดือนเมษายน เอฟ.บี.ไอไม่ให้ความเห็นในรายละเอียดแต่กล่าวโดยทั่วไปมีความเห็นไม่บังคับบริษัทให้เปิดเผยข้อมูลแบ่งรับแบ่งสู้กับพวกเขาเพิ่มงินสินไหมทดแทน(ค่าปรับ)กับพวกที่เทคโนโลยี่ไม่ปฏิบัติตามที่เอฟ.บี.ไอร้องขอ ถ้าข้อเสนอต่อรองมีเหตุผล เวลาคือตัวปัญหา การรั่วไหลข้อมูลของ นายEdward Snowden เกิดขึ้นเมื่อ 5มิถุนายน เกือบอีกครั้งที่ความคิดเกี่ยวกับการตรวจสอบทางอีเล็คโทนิคจากรัฐบาลแบบง่ายกลายเป็นการแพร่กระจายทางการเมือง
    ในปีค.ศ.2012 เอฟ.บี.ไอได้ร่วมมือกับ DEA,ATFและU.S.Marshale&Service ตั้งศูนย์กลางNDCAC(Nationl Domestic Communications Assistance)ด้วยเหตุผลตามคำกล่าวที่ว่า “ การเปลื่ยนแปลงในปริมาณและความซับซ้อนของการบริการสื่อสารเทคโนโลยี่ใหม่ๆแสดงให้เห็นความเร่งด่วนการท้าทายใหม่ๆที่จะบังคับกฏหมายสามารถเข้าถึง,ขวางกั้น,เก็บรวบรวมและดำเนินการสื่อสารทางสายหรือทางอีเล็คโทนิคกับพวกที่เคารพเชื่อฟังกฏหมาย ” ในการนี้ เริ่มด้วยงบประมาณ54 ล้านเหรียญในปีงบ 2013และมุ่งช่วยให้การบังคับกฏหมายเข้าถึงพื้นที่เว๊ปที่ไม่เคยตรวจพบได้
          เอฟ.บี.ไอ ไม่ใช่เจ้าหน้าที่เพียงหน่วยงานเดียวที่กังวลเรื่องเดอะ ดีฟเว๊ปเพียงหน่วยงานเดียว คณะกรรมการสภาสูงก็กำลังค้นหากองทุน IRSที่เกี่ยวข้องกับกระแสเงินตราเสมือน,ตรวจหาผู้มีศักยภาพหลบเลี่ยงภาษี แหล่งข่าวจากสภาสูงกล่าวว่า บิตคอยน์ปรากฏที่วอชิงตันด้วยความท้าทายที่มากับมัน บิตคอยน์จะเป็นกระแสเงินตราหรือไม่?มันจะเป็นผลิตภัณฑ์ที่ซื้อขายได้ทั่วไปหรือไม่?ผู้ค้าบิตคอยน์ให้บริการโดยธนาคารหรือตามสายสื่อสารได้หรือไม่?
กระเทาะเปลือก
            การจับคลุม อลูบริชท์เริ่มแพร่กระจายการจับกุมผู้เกี่ยวข้องกับเดอะดีฟเว๊ปรายอื่นๆ ในวันที่8 ตุลาคม ตำรวจสวีเดนจับชายสองคนในข้อหาขายกัญชาบนซิวคโรดและมากกว่าสี่คนถูกจับในอังกฤษในวันเดียวกันข้อหายาเสพติด “การจับกุมครั้งนี้ส่งสัญญาณชัดเจนไปยังอาชญากร”หัวหน้าหน่วยอาชญากรรมแห่งอังกฤษกล่าว “อินเตอร์เนตซ่อนเร้นไม่ซ่อนเร้นและการไร้ชื่อบ่งผู้เข้าใช้ไม่มีอีกแล้ว เรารู้ว่าคุณอยู่ไหนกำลังทำอะไรและเราจะจับพวกคุณ ”
            มันเริ่มกระจ่างชัดว่า เป็นความจริง หนึ่งในเอกสารที่รั่วไหลออกมาจากการนำเสนอของ สำนักงานความมั่นคงแห่งชาติNSAเดือนมิถุนายน2012เกี่ยวกับTorอธิบายความยากถึงการเจาะหาแยกตรวจTorพูดได้ว่า “ เราจะไม่เคยสามารถกำหนดตัวผู้ใช้Torใดๆในเวลาใดๆได้เลย ” แม่แบบของดีฟเว๊ปที่อลูบริซท์สร้างขึ้นยังคงเป็นเทคนิคทีมีประสิทธิภาพ  ซิวคโรดตั้งฐานบนเวอร์ชั่นของไซค์เก่าแต่บวกเพิ่มระบบรักษาในความปลอดภัยออกเวอร์ชั่นในวันที่5พฤศจิกายน
              Torเองก็เหลืออยู่ในตำแหน่งที่ผิดแปลก จากการได้เงินทุนบางส่วนของงบประมาณรัฐขณะที่หน่วยงานรัฐ เอฟ.บี.ไอและสำนักงานความมั่นคงแห่งชาติก็พยายามเจาะมันแต่ก็เป็นวิสัยที่ลังเลจะกล่าวโทษเทคโนโลยีของมันเองสำหรับซิวคโรดมันไม่ได้ผิดโดยชาติกำเนิดกับผู้คนใดๆบนอินเตอร์เนต,กับกระแสเงินบางชนิดอย่างบิตคอยน์ก็เหมือนกับเงินสดที่ไม่ผิดโดยกำเนิด แต่มันจะเกิดเรื่องขึ้น
เมื่อยอมให้ยาเสพติดมาค้าขาย,ให้ฟอกเงินและการว่าจ้างมือปืนเกิดขึ้น
        แน่นอน อะไรที่จำเป็นสำหรับTorหรือโปรแกรมที่เหมือนTor ก็ไม่จางหายไปอินเตอร์เนตกำลังเป็นสถานที่ส่วนบุคคลที่แผนธุรกิจหลายพันล้านถูกสร้างบนบริษัทที่มีความสามารถเฝ้าสังเกตุเก็บเกี่ยวจำนวนเล็กน้อยสุดท้าย ที่ละน้อยมากขึ้นและการกระตุ้นพฤติกรรมของผู้บริโภค
       สิ่งที่ทำให้ยากต่อการชี้บ่งตำแหน่งเดอะดีฟเว๊ป คือการตัดขวางหลายๆทรงกลมที่ใช้จำกัดขอบเขตแยกกัน ความเป็นส่วนตัว ความเป็น สาธารณะ  บุคคลทั่วไป บุคคลมืออาชีพ และการเมืองทั้งหมดอยู่ในเวลาเดียวกัน มันเป็นทางวิถีที่พิเศษอัดเส้นใยแห่งชีวิตของพวกเราที่แตกต่างมารวมกันในเส้นทางท่อเดียวนำตรงไปสู่การศึกษาและผักผ่อน มันเป็นไปไม่ได้เกือบทั้งหมดสำหรับกฏหมายที่กระตุ้นให้แยกห่างออก ตอนนี้เราติดกับดักอย่างไม่น่ายินดีระหว่างสองคตินิยม ผู้คนที่ไม่ปรากฏชื่อเต็มไปด้วยความสุขบนเน็ตเป็นการประทับใจครั้งแรก กับ การควบคุมเห็นได้ทุกส่วนที่กำลังจะเกิดขึ้น  มันแย่ที่สุดกับโลกทั้งสองด้าน เดอะดีฟเว๊ปให้ความเป็นส่วนตัวมากเกินและการหยุดพักของ เว๊ปก็ไม่พอ
                              -----------------------------------------------------------------------------
 แปลเรียบเรียงจาก The Deep Web,TIME Magazine  ,November11,2013

วันศุกร์ที่ 26 ตุลาคม พ.ศ. 2561


                                            พลังใหม่ของยาหลอก
                                                                   
ภาพจาก http://www.drugrehabadvisor.com/
  
       นานนับกว่า20ปีทื่ ลินดา บลอนนาโน้ (Linda Buonnanno)ถูกรบกวนภาระกิจชีวิตประจำวันด้วยอาการลำไส้แปรปรวน( IBS,Irritable Bowel Symptom) เธอพยายามทำทุกสิ่งทั้งใช้ยาและอาหารเพื่อหยุดยั้งมัน เธอได้เข้าร่วมโครงการทดลองทางคลีนิดศึกษารักษาอาการนี้เมื่อมีการนำเสนอทางทีวีเพื่อขอรับอาสาสมัครเพื่อทดลอง สามอาทิตย์ต่อมาจากการที่เธอได้รับประทานยาเม็ดวันละครั้งอาการป่วยของเธอก็หายไป ยาเม็ดที่เธอรับประทาน แพทย์ได้บอกเธอตรงๆว่าว่ามันไม่ได้มีตัวยาออกฤทธิ์ใดๆ แต่อย่างไรและที่ฉลากขวดยายานั้นก็เขียนคำว่า “placebo pill”  เป็นเวลานับศตวรรษที่วงการแพทย์เฝ้าติดตามผลของยาหลอก(placebo effect )ปรากฎการ์ณที่สามารถปรับเสริมสุขภาพคนไข้ให้ดีขึ้นโดยไม่เกื่ยวข้องกับการบำบัดโรคแต่อย่างไร
           ศาสตราจาร์ย เทค คัพทชุด(Prof Ted Kaptchuk ) แห่งวิทยาลัยแพทย์ฮาร์ดเวอร์ดหนึ่งในทีมวิจัยเรื่องนี้ พยายามจะวิจัยค้นหาผลของมันต่อเนื่องต่อไปโดยให้ผู้ถูกหลอกรู้ตัวอย่างเปิดเผยว่ายาที่ใช้เป็นยาที่ไม่มีตัวยาออกฤทธิ์ใดๆ
          ในปี ค.ศ.2009 โรงพยาบาลมหาลัยแพทย์   ได้ออกโครงการทดลองรักษาอาการลำไส้แปรปรวนด้วยยาหลอกที่เปิดเผยกับผู้ป่วยให้ผู้ถูกทดสอบทราบ ผลออกมาน่าสนใจที่ผคนไข้รายงานว่าผลอาการปวดบรรเทาลงพอควรเมื่อเปรียบเทียบกับผู้ป่วยที่ไม่ได้รับยาอะไรเลย ไม่เท่านั้นในการทดลองใช้รักษาพวกเขาไม่ว่าหญิงหรือชายยังมีอัตราอาการดีขึ้นในเกือบเป็นสองเท่าของพวกที่ดีกระเตื้องขึ้นจากการรักษาด้วยสองวิธีที่ใช้กันอยู่ตามปกติ
             ไม่ทราบแน่ชัดว่าอะไรที่สนับสนุนผลของยาหลอก ผู้เชี่ยวชาญบางท่านให้ความเห็นว่า ร่างกายของคนเราตอบสนองมันอย่างความรู้สึกใต้สำนึกโดยตอบสนองทั้งทางกายภาพและสรีรวิทยาอย่างPavlov’sdog! (การตอบสนองเงื่อนไขหมายถึงขั้นตอน การเรียนรู้ที่ กระตุ้นทางชีวภาพ (เช่นอาหาร)) ขณะที่นักวิจัยท่านอื่นชี้ว่าเกิดจากพลังแห่งการคิดบวก  ไม่ว่าจะอย่างไรตอนนี้คุณสามารถซื้อมันได้ในเว็ปอะเมซอนด๊อดคอมได้แล้ว ขวดละ แปดถึงสิบห้าเหรียญสหรัฐ ใช่ว่าทุกคนจะเห็นด้วยกับการทำงานของยาหลอกที่ซื่อสัตย์เปิดเผยนี้ มันไม่มีเหตุผลเสียเลย แต่ถ้าเรายังอยู่ในสภาพแวดล้อมการสาธารณสุขขณะนี้ที่ความรับรู้ถึงการได้รับการปฎิบัติสูญเสียไปกับค่าใช้จ่ายที่สูง ขณะที่พบแพทย์ได้ไม่กี่นาทีแต่เสียเวลาเดินทางไปพบนานนับชั่วโมง มันก็พอยอมรับ
       ผลของยาหลอกปรากฏขึ้นมานานแล้วในประวัติศาสตร์การแพทย์ในปีค.ศ. 1807 ประธานาธิบดี โทมัส เจฟเฟอรสัน ได้เขียนถึงเพื่อนว่า “ แพทย์ผู้ประสพความสำเร็จในวิชาชีพท่านหนึ่งที่ผมรู้จักบอกแก่ผมว่า เขาใช้ขนมปังเม็ด  หยดน้ำสีและ ผงเถ่าถ่านต้นฮิคคะรี่(hickory)มากกว่าวิธีอื่นๆรวมกันเสียอีก ” ปัจจุบันยาหลอกได้การยอมรับอย่างดีในวงการแพทย์สมัยใหม่ แพทย์กลุ่มหนึ่งได้แสดงให้เห็นถึงการผ่าตัดหลอกๆปลอมๆจากการเฉื่อนหัวเข่าเล็กน้อยแล้วเย็บมันกลับเข้าไปโดยไม่ได้ทำอะไรเลยก็ให้ผลดีเท่ากับ ผู้ป่วยที่เป็นกระดูกข้ออักเสบแล้วได้รับการผ่าตัดหัวเข่าจริง มีปรากฏการ์ณหนึ่งที่รู้จักกันในนามว่า “nocebo effect” ผู้คนที่มีความคิดความคาดหวังในเชิงลบจะทำให้เขารู้สึกแย่เลวลง  ผู้เชี่ยวชาญบางท่านเชื่อว่าปรากฏการ์ณนี้เกิดเป็นส่วนน้อยในการเจริญเติบโตของคนที่มีรายงานว่าโปรตีนชนิดหนึ่งจากข้วสาลีและผลิตภัณฑ์นม
    นักวิจัยพบถึงความแตกต่างเล็กน้อยในยาหลอกด้วย อย่างเช่นผลจะเพิ่มมากขึ้นเมื่อคนป่วยผู้ใช้ถูกบอกว่ายานั้นราคาแพงหายาก สีของยาก็อาจมีผลด้วย สีฟ้าผู้ใช้ตอบสนองได้ผลดีในฤทธิ์สงบระงับให้ง่วง สีขาวเหมาะกับระงับปวดและอื่นๆซึ่งยังคงไม่รู้ บางรายตอบสนองได้ผลดีกับยาหลอกที่บอกตรงๆว่าเป็นยาหลอกขณะที่บางรายไม่ได้ผลเช่นเดียวกับการรักษาวิธีอื่นๆ
    ในปีค.ศ.2016 วารสารการปวด (journal pain ) ตีพิมพ์รายงานวิจัยคณะของศาสตราจาร์ย เทค คัพทชุด ที่ทำวิจัยกับผู้ป่วยสองกลุ่ม กลุ่มหนึ่งได้รับยาพวกที่ไม่ใช่สเตรียลอยด์แก้ปวดกับอีกกลุ่มที่ได้รับยาหลอกที่ติดฉลากบอกว่าเป็นยาหลอก ให้กินวันละสองครั้ง หลังสามสัปดาห์ผ่านไป คณะวิจัยพบผลว่าโดยเฉลี่ยแล้วลดอาการปวดแบบปกติ ลง9% ลดอาการปวดรุนแรง 16% แต่ไม่ได้ผลที่เกิดการฟื้นคืนสภาพของข้อขณะที่กลุ่มผู้กินยาหลอกได้ผลลดอาการปวดทั้งสองลักษณะลงได้ 30% และลดสภาพไร้สมรรถนะของข้อได้29% ศาสตราจาร์ย เทค คัพทชุค ไม่เข้าใจสาเหตุแต่มีความเห็นว่า บางทีร่างกายรู้
ดีกว่าจิตใจ สิ่งสำคัญมากกว่าการทำความเข้าใจว่ายาหลอกที่เปิดเผยทำงานอย่างไรก็คือการตีกรอบออกมาที่จะนำผลความรู้เชิงวิทยาศาสตร์แปลเปลื่ยนมาใช้ปฏิบัติรักษาทางคลีนิค เขาต้องการให้ยอมรับมันสั่งใช้ได้ตามใบสั่งแพทย์
       นักวิทยาศาสตร์ทราบแล้วว่ามันให้ผลรักษาดีพอสมควรในเคสป่วยบางอาการ อาจเทียบเท่าประมาณ 30%-45%ของการตอบสนองต่อยาต้านความซึมเศร้า มันสามารถหยุดอาการผิดปกติของโรคบางอย่างแต่ไม่สามารถหยุดยั้งเนื้อร้ายเซลมะเร็ง การใช้ยาหลอกรักษาคงปรากฏแค่การกระตุ้นให้ตัวสื่อนำเซลประสาทที่มีส่วนทำให้อาการป่วยดีขึ้นออกมาทำงานมากขึ้นปัญหาที่พวกเขาถกเถียงคือหากนำมันให้ประชาชนใช้ผู้คนจะเกิดทึกทักไปเองว่ามันสามารถใช้ได้กับการป่วยทุกกรณีไป
       นักวิจัยบางท่านก็ไม่สนใจการค้นคว้ายาหลอกที่ซื่อสัตย์นี้ให้ควมเห็นว่าผลของมันได้จากการพูดโอ้อวดหรือไม่ก็เป็นผลจากการชี้แนะชี้ทาง โดยแจ้งหาว่าแพทย์จะต้องบอกกับคนไข้ผู้ถูกทดลองพวกเขาจะได้รับยาที่มันทำงานได้ผลแน่แต่คณะของศาสตราจาร์ย เทค คัพทชุดปฎิเสธิเรื่องนี้คณะของเขาได้คัดเลือกรูปแบบทดลองที่ได้ตอบสนองต่อการทดลองในอดีตอย่างการวิจัยความเจ็บปวดและการปวดจากไมเกรน
             ยาหลอกไม่ใช่ยาวิเศษมหัศจรรย์ นักวิจัยสำคัญท่านหนึ่งชื่อ อเลีย ครุม (Alia Crum)กล่าว เรามองว่าผลของมันคือผลผลิตจากความสามารถในการฟื้นตัวรักษาของร่างกายเองซึ่งถูกกระตุ้นจากMindset (ความเชื่อที่มั่นคงแน่วแน่ส่งผลต่อพฤติกรรม)และความหวังต่อการฟื้นตัวและถูกเสริมประกอบด้วยพิธีทางแพทย์,ยี่ห้อของยา,คำพูดของแพทย์ที่ทำการรักษาเธอว่าการวิจัยยาหลอกที่ซื่อสัตย์มันสำคัญและน่าสนใจแต่ไม่เห็นด้วยกับการนำมาเป็นยาสั่งใช้ตามใบสั่งแพทย์แทนที่แพทย์จะหาทางออกทำอย่างไรต่อคนไข้,ปรับทัศนะคติความคิดที่ถูกต้องต่อการดูแลคนไข้ “ เรามุ่งใส่เงินเป็นพันๆล้านดอลลาร์เพื่อให้ได้ยาและการรักษาใหม่ๆโดยปราศจากการมุ่งสนใจไปยังวิกฤต์การ์ณจากโรคเรื้อรัง อะไรเกิดขึ้นถ้าเราเสียเวลาและเงินเท่ากันเพื่อให้ประสพความสำเร็จเข้าใจให้มากขึ้นต่อธรรมชาติความสามารถในการฟื้นตัวของคนไข้  ในการวิจัยของเธอวางแนวว่า แพทย์ที่มีอัธยาศรัยดีแสดงความอบอุ่นต่อคนไข้มีผลต่อการตอบสนองของคนไข้อย่างไร ”   
         เดือน มีนาคมค.ศ.2017 เธอศึกษากับปฏิกิริยาผิวหนังแพ้ตามแขนกับผู้ถูกทดลองสองกลุ่มโดยแพทย์ได้ให้สารฮีสตามีนทาตามแขนเล็กน้อยจะเกิดผื่นแดงบริเวณที่ทา ในกลุ่มที่แพทย์ได้เอาใจใส่แสดงความห่วงใยใช้คำพูดและสายตาปลอบโยนขณะที่ทาครีม(ยาหลอกไม่มีตัวยาออกฤทธิ์)ว่าสามารถลดอาการแพ้ลงได้ อะไรก็ตามที่แพทย์ได้พูดถึงครีมที่ใช้ไม่ว่ามันจะทำให้ดีขึ้นหรือเลวลงย่อมเกิดการแสดงผลต่อผื่นด้วย อีกกลุ่มหนึ่งผู้ถูกทดลองเกิดปุมบวมใหญ่เมื่อได้รับการรักษาแบบเดียวกันแต่แพทย์ผู้ให้ครีมทากลับนิ่งเฉยเมยแสร้งวางบุคคลิกไม่พูดให้ความเข้าใจกับผู้ทดลอง
       เจนนี่ เดนโต้ (Jeni Dento)ผู้ปกครองท่านหนึ่งมีบุตรห้าคนอายุ11-17ปี ได้อุปโลคตัวช่วยที่เรียกว่า “ของวิเศษ”(Magic feel Good )(หาซื้อได้ที่เว๊ปอเมซอน)เมื่อบุตรของเธอยังเด็กทุกสัปดาห์จะมีคนหนึ่งก่อนไปโรงเรียนมีอาการปวดท้องไม่ก็เจ็บปวดจากความกลัว เธอและสามีพิจารณาแล้วเห็นว่านี่ไม่ได้เป็นจริงและร้ายแรงเธอจึงเข้าครัวผสมน้ำส้ม,น้ำองุ่น,น้ำผึ้งลงในถ้วยเรียกมันว่า“ของวิเศษ”(Magic feel Good )มาให้บุตรเธอดื่ม เดนโต้ เสริมสร้างของวิเศษโดยใช้วิตามินซีที่บรรจุอยู่ในแผงนำลงใส่กล่องที่ออกแบบเหมือนหนังสือแปลกๆเพ้อฝันแล้วมีฉลากเขียนว่าเป็นยาเม็ดที่ใช้กับอาการป่วยที่ไม่เกิดจากทางพยาธิสภาพเท่านั้น เธอคิดว่าเจ้าสิ่งนี่น่าประสพความสำเร็จแพร่หลาย อาจถูกของเธอในชิ้นส่วนการแพทย์ที่สูญหายไป มีเหตุผลให้เห็นกัน เมื่อสิบปีที่ผ่านมา มีการวิจัยที่มุ่งเน้นผลกระทบจากการเอาใจใส่มีความรู้สึกร่วมในการรักษาจะช่วยให้เกิดผลดีขึ้น (และ)แต่จากการศึกษาณ.ปัจจุบันแสดงให้เห็นว่าเมื่อผู้ปกครองพบกับแพทย์ที่รักษาเอาใจใส่น้อยไม่นำพา จะไม่พอใจ เดิมประชาชนอเมริกาส่วนใหญ่รู้สึกว่าหลักประกันสุขภาพของประเทศมีประสิทธิภาพ ผลสำรวจปัจจุบันพบว่าชาวอเมริกามีความเชื่อมั่นต่อการเป็นผู้นำทางอุสาหกรรมการแพทย์ลดลง จากปีค.ศ. 1966  มีถึง73% เหลือ 34%
        มีการเปิดขายยาหลอกทางออนไลน์แล้ว ลูกค้าผู้ซื้อมีทั้งนำไปใช้เองหรือพวกนักวิจัยค้นคว้ารวมถึงแพทย์ซึ่งนำไปทดลองใช้กับคนไข้ของตนโดยแพทย์ผู้นำไปรักษารายหนึ่ง( Dr. Jesse Hoover )กล่าวว่า ลูกค้าผู้ป่วยของเขาหลายรู้สึกเบื่อหน่ายสิ้นหวังจากการรักษาอื่นๆแล้วจึงมาหาเขาเพื่อใช้วิธีฝังเข็มหรือยาสมุนไพรจีน คนไข้ของเขาสงสัยในยาหลอกแต่เขาคิดว่ามันเป็นรูปแบบหนึ่งในชุดวิธีการรักษาของเขา

 ตัวเลขจากการสำรวจและวิจัยแสดงพลังของยาหลอกโดยวิธีต่างๆ ภาพจาก Time  Magazine Sep3/Sep10,2018    


         สมาคมการแพทย์แห่งสหรัฐอเมริกาก็กังวลเรื่องของยาหลอกเหมือนกัน ภายใต้จรรยาบรรณทางการแพทย์พวกเขาจึงกำหนดว่า แพทย์สามารถใช้ยาหลอกสำหรับการตรวจวิฉัยหรือการรักษาได้ก็ต่อเมื่อคนไข้ผู้ป่วยยอมรับให้ความร่วมมือมีส่วนร่วมใช้ยาหลอก(ถึงแม้ว่าเขาจะไม่ทราบว่าแพทย์จะสั่งจ่ายให้เขาเมื่อใด)และสมาคมยังกำหนดอีกว่า แพทย์สามารถผลิตสร้างสภาวะที่คล้ายเหมือนยาหลอกตามความเชี่ยวชาญเพื่อประโยชน์ต่อความมั่นใจเสริมสร้างกำลังใจ ความสัมพันธ์ระหว่างคนไข้กับแพทย์  ด้วยความเคารพและซื่อสัตย์ และเพื่อพัฒนาปรับปรุงสุขภาพให้ได้ผลดีขึ้นออกมา
          ยาหลอกดูซับซ้อนแต่มันไม่ใช่การเล่นกลหรือเวทมนตร์คาถา เป็นวิทยาศาสตร์ใหม่ที่ขอพลังแห่งความเมตตาการดูแลเอาใจใส่แต่เพียงเล็กน้อยทำมันอย่างจริงจังแม้นจะไม่สามารถอธิบายมันได้แต่ผลของมันอาจมีค่ายิ่ง
                                         -----------------------------------------------------------------------------------                                                                                                                          สกัดและแปลจาก Placebo 's new Power ;Time  Magazine Sep3/Sep10,2018
โปรดดูอ่านข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่เว็ปไซด์สากลต่างๆ

วันอังคารที่ 5 ธันวาคม พ.ศ. 2560

หรือว่า บริษัทพร็อคเตอร์แกรมเบิลP&Gจะแตกแยก

            ในวาระการประชุมผู้ถือหุ้นประจำปี เดือนตุลาคม 2560 บริษัทP&G มีความขัดแย้งต่อสู้ที่รุนแรงระหว่างผู้ถือหุ้นนักกิจกรรม เนลสัน เพลทซ์( Nelson Peltz)  กับ เดวิส เทเลย์ (David Taylar)ผู้บริหารระดับสูง,อีโอของบริษัท 
              ที่จริงทั้งสองคนเห็นพ้องกันว่าพร็อคเตอร์แกรมเบิลP&Gจำต้องถูกซ่อมแซมแต่ไปในทิศทางกันคนละแนว
               
               บริษัทพร็อคเตอร์แกรมเบิลP&Gมีผลประกอบการที่ต่ำกว่าประวัติที่ผ่านมา นานนับสิบปีแม้ว่ายอดขายจากการบริหารของเทเลย์พุ่งสูงขึ้นบ้างแต่ความจริงบริษัทกำลังทะลักออกมา หลายปีที่ P&Gเป็นบริษัทธุรกิจที่ซบเซาเฉลี่ยชา มันเคยผ่านสถานะการ์ณยุ่งยากมาก่อนเหมือนอย่างเช่นธุรกิจชั้นนำในสหรัฐอย่าง IBM, General Motor,Sears.Kodaxแล้วผ่านจุดปรับเปลื่อนมาแล้วทั้งสิ้น ปัจจุบันอยู่ในคำถามว่าจะกลับคืนสู่ความยิ่งใหญ่ได้เหมือนเดิมหรือไม่หรือดำเนินการอยู่รอดต่อไปตกต่ำให้น้อยลง เนลสันและ เทเลย์ ทั้งสองรู้แก่ใจว่าจะต้องทำอะไรตามยุทธศาสตร์ของเขาอย่างมีเหตุผลที่แตกต่างกัน
ข้อพิจารณา  ความท้าทายสูงสุดก่อนที่เศรษฐกิจสหรัฐจะอยู่โค้งซบเซาต่ำสุด หุ้น บริษัทP&G มีผลประกอบการที่แย่มาก ขณะที่ธุรกิจผลิตภัณฑ์บริโภคทั้งหมดตกต่ำ บริษัทP&Gเป็นผู้ประกอบการอุตสาหกรรมรายใหญ๋ก็ตกต่ำกว่าคู่แข่งหลักด้วย อย่าง ยูนิลีเวอร์ Unilever, คอลเกตปามล์โอลีฟ Colgate Palmolive, แฮงเกล Henkel อื่นๆ ผลิตภัณฑ์หลายยี่ห้อของP&G อย่างเช่น Pantene,Gillete,Crest สูญเสียส่วนแบ่งการตลาดไป การเติบโตขององค์กรถูกประเมินว่าอยู่แค่ 2%เมื่อปีงบประมาณที่แล้วและอยู่ในระดับ2-3%ของปีนี้ตัวเลขนี้ต่ำกว่าคู่แข่งและก็ไม่สามารถชดเชยกับค่าเงินเฟ้อได้นั้นหมายถึงไม่ได้เติบโตเลยแต่ตัวชี้วัดที่ไม่ใช่ค่าทางบัญชีกลับเลวร้ายกว่า  ปัจจุบันคนรุ่นใหม่หนุ่มสาวอาจไม่วาดภาพว่า เป็นบริษัทนายจ้างผู้เจิดจรัสกว่าบริษัทอื่นใดในโลก พนักงานผู้หนึ่งที่ได้ออกจากบริษํทไปแล้วหวลคิดคำนึงใคร่ครวญว่า “ เมื่อฉันได้มาร่วมงานมันคือ กูลเกิล,อเมซอล,โกลด์แมน ในปัจจุบัน มันแสดงให้เห็นว่าเราเป็นบริษัทที่ดีที่สุดในโลก เราสร้างผลิตภัณฑ์ที่ดีที่สุด เราปรับปรุงคุณภาพชีวิตผู้คนเราเป็นผู้นำการส่งออกทั่วโลก มันยากที่จะเข้ามาทำงานที่นี่ได้พวกเขาคัดเลือกด้วยการสัมภาษณ์ทีเยื่ยมแต่มันไม่เป็นเช่นนั้นอีกแล้ว ”
                มีข้อมูลยืนยันดังนั้น กลับไปปีค.ศ.1996 จากการสอบถามสำรวจประจำปีของนิตยสารฟอร์จูน บริษัทP&Gเป็นบริษัทอเมริกันที่น่าชื่นชมอันดับสองรองจากโคาโคล่า เมื่อปี ค.ศ.2009ก็มาอยู่ในอันดับ6ของโลกหลังจากนั้นก็ตกชั้นมาเรื่อย ปัจจุบันอยู่ในลำดับที่19ก่อนที่เนลสัน เพลทซ์รณรงค์ให้มีการเลือกตั้งบอร์ด
               แน่ละบริษัทส่วนมากจะยินดีเมื่อมาอยู่ในลำดับ19ของโลกท่ามกลางระหว่างบริษัทที่น่าชมเชยยกย่องที่มีมูลค่าตลาดรวม220ล้านล้านเหรียญสหรัฐนี่เป็นตราแห่งชัยชนะและนั้นก็เป็นปัญหาใหญ่ P&Gไม่ได้อยู่ในสภาพวิกฤกติแต่อาจจะถ้าองค์กรยอมจำนนอยู่ในอำนาจเชื่อฟังอารมณ์คุมทิศทางองค์กรที่กำลังตกต่ำด้วยตนเองเน้นมองไปตามกระแสมากกว่าคำนึงถึงแนวโน้ม เราสามารถชี้ให้เห็นการดำเนินการที่ดีของบริษัทหลายอย่าง บริษัทมีผลิตภัณฑ์หลากหลายอยู่ในหลายประเทศ อย่างไรก็ตามบริษัทผลาดเป้าหมายหลายแห่งที่กรรมการบอร์ดได้ตั้งให้ไว้กับผู้บริหารระดับสูงในผลประกอบการรอบสามปีนี้  สำหรับรอบสามปีถัดไปบอร์ดแจ้งว่าเป้าการเติบโตองค์กรเฉลี่ยต้อง2.8%ต่อปีแม้ว่าเทเลย์คาดหวังว่าตลาดเติบโตได้3%-3.5%ต่อปี ดังที่อดีตผู้บริหารระดับสูงท่านหนึ่งกล่าวว่า “ พวกเขาตั้งเป้าไว้เพื่อสูญเสียส่วนแบ่งการตลาด ”






ใน4,5ปีที่ผ่านมา P&Gได้กระชับองค์กรโดยขายกิจการแบร์ดต่างๆที่ขนาดเล็กทำกำไรน้อยออกไปขณะที่กำไรเติบโตแต่องค์กรก็ต้องเสียส่วนแบ่งการตลาด( จากรูปกราฟกลางปี2014กำไรเริ่มสูงขึ้นถึงปี2016ขณะที่รายได้จากยอดขายลดลง )
รูปภาพจากIs it time for P&G to break up?นิตยสาร  Fortune ,December1,2017

           การกู้ชื่อสถาบันอันเก่าแก่ไม่ใช่เรื่องง่ายแต่ถ้าจะต้องทำจุดเริ่มแรกที่ดีทีสุดก็คือวัฒนธรรมบริษัทที่ยึดมั่นแข็งแกร่งความภาคภูมิและเสียสละทุ่มเทชีวิตไปกับงานเป็นสิ่งสำคัญต่อความสำเร็จของบริษัทแต่มันก็ไม่ได้ปรับตัวเมื่อสภาพแวดล้อมเปลื่ยนไป มันกลายเป็นเบรคไม่ใช่คันเร่ง ในโลกแห่งการรบกวนจากดิจิตอลและพฤกติกรรมผู้บริโภคที่ผันเปลื่ยน แผ่กว้างออกไป 
            บริษัทเองก็ตะหนักถึงความท้าทายมาเมื่อสี่ปีที่แล้ว ได้ปรับเปลื่ยนวัฒนธรรมมาตั้งแต่นั้น เทเลย์ออกเสียงให้มีการเปลื่ยนแปลงโดยเร็วให้นำคนนอกเขามาในตำแหน่งสูงแต่วัฒนธรรมเดิมที่มีมาปฏิเสธิ์ คนนอกมานานแล้ว เพราะพวกเขาไม่เข้าใจธรรมเนียมองค์กรแม้P&Gได้นำบริษัทนอกกลุ่มอย่าง มานานแล้วแต่ก็มีผู้บริหารระดับสูงเหลืออยู่น้อยเพลทซ์พูดกับเทเลย์ว่าถ้าเราไม่สามารถนำบุคคลจากภายนอกมาในเป็นผู้บริหารระดับสูงได้ เราก็จะตกต่ำ
            สำหรับผู้ลงทุน,ผู้ถือหุ้นหลายคนได้วิจาร์ณไว้ว่า ทั้งเพลทซ์ และ เทเลย์ ที่จริงก็ไม่เข้าใจความยุ่งยากของ P&Gอย่างแท้จริงหรอก พวกเขาเสนอว่าทางแก้ไขก็คือ การแก้ไขที่พวกนักกิจกกรรมทั้งหลายรวมเพลทซ์ด้วยทีมีความต้องการเสมอทางใดก็ตามในการแตกบริษัทซึ่งก็สอดคล้องกับความเห็นของนักวิเคราะห์มีชื่อของสถาบันการลงทุนแห่งหนึ่งของอเมริกา
            บริษัทใหญ่ๆอ้างเหตุผลกันว่า การที่จะประสพความสำเร็จในการเสริมพลังแห่งคุณค่า,ความมีประสิทธิภาพต่อขนาดของการผลิตได้ก็โดยการรวมกันของธุรกิจที่หลากหลาย นักวิเคราะห์มีชื่อของสถาบันการลงทุนแห่งหนึ่งของอเมริกาเห็นแย้งว่านั้นเป็นภาพหลอกลวง มีผลิตภัณฑ์หลายยี่ห้อที่บริษัทยักษ์ใหญ่ถอดออกไปให้ผู้อื่นอย่างเช่น Clairol,Wella,Covergirl..ที่ ขายให้กับบริษัทCoty เมื่อปีที่แล้วทำผลงานดีให้กับบริษัทขนาดเล็กเขากล่าวว่า” ถ้ามีใครสักคนคำนวณดูบนยอดกำไรและต้นทุนและนำมาเปรียบเทียบกับบริษัทคู่แข่งที่เล็กกว่าจะรู้ว่า P&G เป็นองค์กรที่ไม่ได้ซูบผอมลงแต่ซับซ้อนมากกว่าและมันไม่ได้เสริมสร้างขนาดพลังให้กับ P&G จุดนี้ต่างหาก ”
           พนักงาน P&Gเองคาดคิดว่าเพลทซ์ คงไม่ปราถนาแยกบริษัทเขาอาจจะมีแผนลับ เขาต้องการปรับรูปแบบองค์กรใหม่จากหน่วยธุรกิจระดับโลก10หน่วยให้เหลือเพียง 3หน่วยธุกิจที่เสร็จสรรพ(stand-alone) การแตกแยกอาจไม่ปลดปล่อยคลื่นแห่งนวตกรรมและผลิตผลที่ดี แต่ในปัจจุบันนี้ดูเหมือนว่า ไ่ม่เกิดขึ้นเว้นเสียว่าผลประกอบการจะเลวร้ายมาก นั่นอาจเป็นปัญหาหนึ่งที่ไม่เอาใจใส่ว่าอะไรเป็นทางแก้ที่ดีที่สุดสำหรับ P&Gเพราะภาพฉากแห่งการตกต่ำที่ค่อยเป็นค่อยไป 
บริษัทยักษ์ใหญ่ประสพความสำเร็จสูงมักไม่เครื่องดับง่ายๆเมื่อเขาปรับตัวไม่สำเร็จ บ่อยครั้งที่มันหยุดนิ่ง พวกเขาทำการเปลื่ยนแปลงแต่ไม่เพียงพอ เขามียุทธวิธีเพื่อหาปัญหาต่างเสมอแต่มันไม่พอ เพราะมันไม่ได้ถูกทำให้สำเร็จ
         ต่อข้อกังวลจากผู้ถือหุ้นที่ว่าผู้บริหารจะนำพาบริษัทผ่านพ้นภาวะถดถอยและหรือบริษัทพร็อคเตอร์แกรมเบิลP&Gจะแตกแยกย่อยคงต้องรอดูความกระจ่างในสองสามปีข้างหน้า บริษัทพร็อคเตอร์แกรมเบิลP&ไ่ม่ได้วิกฤติเราจะรู้กันในเร็วๆนี้ ถ้ามันต้องการใครสักคนที่มาสร้างความเปลื่ยนแปลง ถ้าทำจริงมันก็สายเสียแล้ว
_____________________________________________________________________
แปล,คัด,ถอดความจาก Is it time for P&G to break up?นิตยสาร  Fortune ,December1,2017


วันศุกร์ที่ 16 มิถุนายน พ.ศ. 2560

การค้นพบพันธ์พืชใหม่ในปีค.ศ.2016

              เมื่อเดือนมีนาคม ค.ศ.2017มีรายงานจาก Royal Garden London ว่าได้ค้นพบพรรณพืชใหม่ในปี ค.ศ.2016 ถึง1730 พันธุ์หรือสพีชี่(Species) จากหลายประเทศ สพีชี่เหล่านั้นสามารถนำมาเป็นพืชเพาะปลูกได้ นักพฤษศาสตร์ได้นำไปบรรจุลงในบันทึกแจกแจงพันธ์พืช Taxonomic Journals โดยปกติในแต่ละปีจะมีการค้นพบพรรณพืชใหม่ราว2,000ชนิด พรรณพืชเหล่านี้เป็นญาติที่ใกล้เคียงกับพืชที่สำคัญๆมีคุณค่าทางเศรษฐกิจและทางยาซึ่งน่าสนใจต่อนำมาศึกษาพัฒนาการเพาะปลูก มีการค้นพบจากถึ่นกำเนิดในเขตอุณหภูมิปานกลางอย่างแถบตรุกีและจีน,เวียตนาม,ภูฐาน,อิหร่าน,โบลิเวีย,แม๊กซิโก,แอฟาริกาใต้ ในเขตป่าร้อนชื้นของแอฟาริกาใต้และในเอเซียตะวันออกเฉียงใต้ พันธุ์พืชสพีชี่ใหม่เหล่านี้ให้ประโยชน์ในด้านต่างๆ

 เราอาจแบ่งเป็นกลุ่มที่มีความสำคัญคือ
พืชที่ใช้เป็นอาหารและเครื่องดื่ม  มีพืชพันธุ์หลายชนิดถูกค้นพบดังนี้
พบพันธุ์สพีชี่ของสกุล Manihot 11ชนิดในประเทศบราซิล ซึงเป็นสกุลพืชมันสำปะหลัง( Manihot esculanta) เท่ากับว่าได้เพิ่มขึ้นจำนวนสพีชี่ของสกุลนี้ถึง10%  เรารู้จักพืชนี้ในชื่อทั่วไปว่าCassava, Garri, Manioc  หรือTapicca ถือเป็นพืชสำคัญอันดับ3ของโลกรองลงมาจากข้าวโพคและข้าว หัวมันพันธุ์ใหม่ที่พบนี้สามารถปลอยทิ้งไว้ใต้ดินเมื่อใดที่ต้องการจะเก็บเกี่ยวได้ทุกโอกาสทั้งนี้ในหัวมีปริมาตรสารไซยาไนด์ Cyanide (เป็นสารทีพิษอยู่ในรากหัวใต้ดินและใบเมื่อยังดิบแต่ถ้ามาทำให้สุกแล้วสลายตัวไป.)ที่เป็นพิษต่อแมลงศัตรูพืช; ที่แอฟาริกาใต้ได้พบพันธุ์สพีชี่ใหม่มี7ชนิดของสกุล Aspalathus (ปัจจุบันต้นAspalathus linearisเป็นพืชเศรษฐกิจใช้ทำเครื่องดื่มที่เรารู้จักกันในชื่อทั่วไปว่า Rooibos Red bush, tea ดูรายละเอียดที่  https://en.wikipedia.org/wiki/Rooibos.)แต่6ใน 7ชนิดนี้กำลังจะสูญพันธุ์ 
;ในบราซิลได้พบพืชพันธุ์หนึ่งที่เป็นญาติใกล้เคียงสกุลของYam (Dioscorea)ใช้ประโยชน์เป็นอาหารเพราะมีแป้งมาก
(.พืชพันธุ์สกุลนี้มักมีสาร dioscin เป็นสารตั้งต้นในการสังเคราะห์สเตียรอยด์ฮอร์โมนหลายชนิด.บ้านเราก็มีพืชในสกุลนี้คือ กลอย ดูรายละเอียดเพิ่มเติมที่http://www.phargarden.com/main.php?action=viewpage&pid=10) ;ที่ตรุกี พบพันธุหนึ่งในสกุลParsnip พวกหัวผักกาด,แครอท,(พันธุ์ที่สำคัญใช้เป็นอาหารและยาสมุนไพรคือ Pastinaca sativa... https://en.wikipedia.org/wiki/Parsnip)พบ, พันธุ์ใหม่ของสกุลขิง Zingiberก็มีการพบในแถบตะวันออกไกลพันธุ์หนึ่ง ;ค้นพบพันธุ์ของพวก Durio ทุเรียน จากเกาะบอร์เนียว;พันธุ์ใหม่พวกวนิลาVanillaจากบราซิล ,พันธุ์ใหม่ของพวก Angelica(ต้นไม้ที่ใช้ทำเครื่องหอม)จากตรุกี;สกุลSacharum พืชที่ใช้หีบทำน้ำตาลก็มีการพบพันธุ์ใหม่ซึ่งเกียวพันธ์เครือญาติกับพันธุ์เดิมที่ปลูกแถบหมู่เกาะโพลีนีเชีย พันธ์ใหม่นี้มีชื่อทางพฤษศาสตร์แล้วว่า Saccharun cultum
กลุ่มที่เป็นอาหารสัตว์เลี้ยงปศุสัตว์
พบหลายพันธุ์สพีชีร์ของสกุล Onobrychis ( พืชที่สำคัญชื่อเซนฟอย์น Sainfoins,มีชื่อทางพฤษศาสตร์ว่า Onobrychis sativa )นำมาใช้เลี้ยงสัตว์มานานแล้วเพื่อเพิ่มโปรตีนต่อพวกสัตว์เคี้ยวเอื้อง เนื่องจากพืชเหล่านี้มีส่วนประกอบที่ได้จากขบวนการเคมีสังเคราะห์แสงที่น่าสนใจและมีปริมาณสารพวกแทนนิน(tannins)สูงช่วยลดการเกิดปัญหาภาวะเรือนกระจก greenhouse effect จากสัตว์เคี้ยวเอื้องได้ เนื่องจากในลำไส้สัตว์เคี้ยวเอื้องที่เป็นอาหารของคนจะมีแบททีเรียที่สร้างก๊าสมีเทนMethaneตัวสาเหตุที่ทำให้เกิดปัญหาภาวะเรือนกระจก การคัดเลือกประเภทอาหารสำหรับสัตว์เลี้ยงปศุสัตว์เป็นตัวจำกัดปริมาณก๊าสที่ปล่อยออกมาได้วิธีหนึ่ง  พืชชนิดที่น่าสนใจมีชื่อทางพศาสตร์ว่า  Onobrychis citrine พบตามแถบภูเขาหินปูนของประเทศกรืซ
กลุ่มที่นำมาทำยารักษาโรค
ค้นพบอีกหลายพันธุ์ ทั้งในแถบเอเซียตะวันออกเฉียงใต้,บอร์เนียว,นิวกีนีและเกาะลูซอล,แม็กซิโก,เอลกัวดอร์ โดยเฉพาะพบพืชที่มีคุณค่าทางการแพทย์ พันธุ์ใหม่ในสกุลMucuna ที่ปัจจุบันปลูกใช้ในวงการแพทย์เภสัชนำมาสกัดทำยารักษาโรคพาร์คินสัน Pakinson พืชพวกนี้มีสาร L-DOPAซึ่งเป็นสารตั้งต้นสังเคราะห์ Dopamineยาแผนปัจจุบันที่ใช้รักษาอาการโรคพาร์คินสัน Pakinson (Pakinsonกําเนิดของโรคที่
แน่ชัดยังไม่ทราบแต่ทราบเบื้องต้นอาการของโรคเกิดจาก มีการลดลงของ dopamineซึ่งเป็นสารสื่อซึ่งเป็นสารสื่อประสาทสำคัญเชื่อมโยงระหว่าง thalamus และ motor cortex ; นอกจากนี้ยังพบพันธุ์ใหม่4ชนิดเกี่ยวข้องเครือญาติกับต้นAloe vera ต้นว่านหางจรเข้ที่ปัจจุบันนำมาใช้ทางอุตสาหกรรมเครื่องสำอางค์และเภสัชกรรม
กลุ่มที่ให้เนื้อไม้   ให้ประโยชน์ทางเนื้อไม้นำไปใช้สร้างบ้านที่อยู่อาศัยและเฟอร์นิเจอร์
กลุ่มพวกเครื่องเทศ พบพันธุ์สกุล Salvia พืชที่ให้ความหวานแทนน้ำตาลได้โดยนำไปใช้แทนน้ำตาลสำหรับผู้ป่วยโรคเบาหวาน  หากสนใจสามารถอ่านเพิ่มเติมจากเอกสารที่อ้างอิง

เรียบเรืยงและอ้างอิงจากNew Plant Species Discovered in 016:https://stateoftheworldsplants.com/2017/new-plant-discoveries.html

วันอาทิตย์ที่ 21 พฤษภาคม พ.ศ. 2560

Tomatillo โทงเทงแม๊กซิกันพืชยุคห้าสิบล้าน ปีก่อน

ในปีค.ศ.2017 นักวิทยาศาสตร์รายงานว่า ณ บริเวณ.Patagonian ส่วนหนึ่งของประเทศอาเจนตินาได้ค้นพบซากฟอสซิลของพืช Tomatillo ที่รู้จักกันในนาม Maxican husk tomato (ผู้เขียนขอเรียกชื่อไทยว่า โทงเทงแม๊กซิกัน) ต้นพืช Tomatillo นี้มีชื่อพฤษศาสตร์ว่า Physallis  philadilphica เป็นพืชสกุล (genus)เดียวกับ โทงเทง ซึ่งเป็นสมุนไพรของไทยแต่คนละสปีชีส์(specie)แต่พืชทั้งคู่อยู่ในวงศ์เดียวกันคือวงศ์มะเขือ Solanocea  จากซากฟอสซิลของมัน นักวิทยาศาสตร์คำนวณว่ามันมีอายุ 52 ล้านปีก่อนปัจจุบัน(หลังไดโนเสาร์สูญพันธ์ไปแล้ว ไดโนเสาร์สูญพันธ์เมื่อ 163-65 ล้านปีก่อน)นั้นหมายความว่า พืชวงศ์มะเขือเป็นพืชที่เก่าแก่ที่สุดที่ปรากฏบนพื้นโลก

Tomatillo มีถิ่นกำเนิดเริ่มแรกที่แม็กซิโกมีความสำคัญต่อชนเผ่ามายาและอาณาจักรแอซเต๊ก Aztecsแล้วแพร่หลายนำมาปลูกในยุคโคลัมเปียน Columbian era จนเป็นพืชพื้นเมืองของอเมริกากลางตลอดทางตะวันตกเฉียงใต้ของทวีปอเมริกาเหนือ จนกลายเป็นสินค้าส่งออกไปทั่วโลก ปีค.ศ.1950 ไปถึงอินเดียสามารถเพาะปลูกขึ้นที่รัฐราชสถาน Rajasthan และรัฐควีนแลนด์ ประเทศออสเตรเลีย,ที่โปโลคเวน Polokvean อาฟาริกาใต้และที่เคนย่า ในสหรัฐอเมริกาปลูกที่แคลิฟอเนีย,ไอโอว่า นักวิทยาศาสตร์สหรัฐส่งเสริมพัฒนาสายพันธ์อื่นๆต่อไป
ประโยชน์ ของ Tomatillo เป็นวัตถุดิบ,ส่วนผสมหลักในการประกอบปรุงอาหารแม็กซิกันเป็นเครื่องชูรส ผลให้รสเปรี้ยวจัด พวกผลสีม่วง-แดงมักจะให้รสหวานเล็กน้อยส่วนพวกผลสุกสีเขียวและเหลืองมักใช้ทำแยมjam ผลของมันมีปริมาณสารเพ็คติน pectin สูง(เพ็คติน pectinสารเหนียวหนืดใช้ผสมยาเครื่องสำอางค์)ผลสุกเต็มที่เก็บไว้ในตู้เย็นได้นานสองอาทิตย์ แต่ถ้าเอาเปลือกแข็งออกบรรจุในถุงพาสติกปิดสนิทเก็บได้นานกว่า ต้นไม้นี้สูงประมาณ4เมตรยืนตรงหรือไม่ก็หมอบแพร่ออกกว้างปะปรายไม่หนาแน่น ขอบใบหยักเป็นซี่หรือไม่ก็เรียบ ดอกมีได้หลายสี เช่น สีขาว,เขียวอ่อน,เหลืองสดบางทีก็ม่วง ส่วน โทงเทงของไทยนั้นมีชื่อฤษศาสตร์ว่า Physalis  angulate L.ชื่ออื่นที่เรียกกันคือ ต๊อมต๊อก,โคมจีน,โคมญี่ปุ่น...เป็นพืชล้มลุกออกเป็นพุ่มสูง 30-40 เซนติเมตร ลำต้นเป็นเหลี่ยมสีเขียวอ่อน มีน้ำ ใบเป้นใบเดี่ยวสีเขียวอ่อนออกเรียงสลับตามข้อกิ่ง โคนใบมน ปลายใบแหลม ขนาด 3-6เซนติเมตร ดอกออกเป็นช่อก้านดอกสั้นแทงออกตามซอกใบลำต้นข้อ ดอกมีกลีบดอกสีเหลืองอ่อน กลีบดอกเชื่อมติดกันแยกออกเป็นห้าแฉกลักษณะคล้ายโคมไฟ ผลมีลักษณะกลมเรียบมัน ประกอบด้วยกลีบรองดอกหุ้มผลกลีบหุ้มมีลักษณะเป็นแผ่นบางเชื่อมติดเป็นเหลื่ยม ผลอ่อนมีกลีบรองดอกเมื่อแก่จะแห้งสีน้ำตาลแตกออกเห็นผลสีเหลืองอมส้มผิวมันด้านในมีเมล็ดรูปกลมแบนจำนวนมาก สารสำคัญที่พบในต้นโทงเทงมีมากมายอีกทั้งสรรพคุณทางยาก็มีมากเชิญท่านหาอ่านได้จาก เว็ปไซค์อื่นๆต่างๆ ดังเช่น.. https://medthai.com/โทงเทงไทย

http://www.rspg.or.th/plants_data/herbs/herbs_27_2.htm และอีกมากมาย     
อ้างอิง.." Eocene lantern fruits from Gondwanan Patagonia and the early origins of Solanaceae"(http://science.scienemag.org/content/355/6320/71.full) 
--------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------